ทําอิ๊กซี่ ต้องจดทะเบียนไหม

2 การดู

การทำ ICSI และ IUI ต้องทำในคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 เพื่อให้แพทย์สามารถดำเนินการรักษาและรับรองสิทธิทางกฎหมายของเด็กที่เกิดมาได้อย่างถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ทำ ICSI ต้องจดทะเบียนไหม? ไขข้อสงสัยตามกฎหมายไทย

เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อย่าง ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) หรือการฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่โดยตรง เป็นความหวังของคู่สมรสหลายคู่ที่ต้องการมีบุตร แต่ติดขัดด้วยอุปสรรคทางสุขภาพบางประการ หนึ่งในคำถามสำคัญที่มักเกิดขึ้นคือ “ทำ ICSI ต้องจดทะเบียนไหม?”

ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 หรือที่เรียกกันติดปากว่า “กฎหมายอุ้มบุญ” ได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ รวมถึง ICSI และ IUI (Intrauterine Insemination) หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก

ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนสมรส:

กฎหมายฉบับนี้ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการทำ ICSI และ IUI สามารถทำได้เฉพาะในคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น นั่นหมายความว่า หากคู่ใดประสงค์จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องจดทะเบียนสมรสเสียก่อน

เหตุผลเบื้องหลังข้อกำหนดนี้:

ข้อกำหนดดังกล่าวมีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการ คุ้มครองสิทธิของเด็กที่เกิดมาโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ กฎหมายต้องการสร้างความมั่นใจว่าเด็กที่เกิดมาจะมีบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิในการรับมรดก ได้รับการเลี้ยงดู และได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ผลกระทบต่อคู่สมรส:

  • คู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย: สามารถเข้ารับการรักษา ICSI และ IUI ได้ตามกระบวนการที่กำหนด โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ และรับรองสิทธิทางกฎหมายของเด็กที่เกิดมาได้อย่างถูกต้อง
  • คู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส: จะไม่สามารถเข้ารับการรักษา ICSI หรือ IUI ได้ตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนอาจมีความผิดทางกฎหมาย

สิ่งที่ควรทราบเพิ่มเติม:

  • กฎหมายไม่ได้จำกัดเฉพาะเพศของคู่สมรส หากเป็นคู่สมรสชายหญิงที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ก็สามารถเข้ารับการรักษา ICSI หรือ IUI ได้
  • กฎหมายมุ่งเน้นที่การคุ้มครองสิทธิของเด็กเป็นสำคัญ ดังนั้นกระบวนการทางการแพทย์ต่างๆ จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่กำหนด
  • หากคู่สมรสมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ หรือปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมาย

สรุป:

การทำ ICSI ในประเทศไทยภายใต้กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 จำเป็นต้องกระทำในคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้แพทย์สามารถดำเนินการรักษาและรับรองสิทธิทางกฎหมายของเด็กที่เกิดมาได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน

หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังวางแผนการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์นะครับ