มิจฉาชีพ มีอะไรบ้าง

ภัยมิจฉาชีพยุคดิจิทัล: ระวัง! เกินกว่าแค่หลอกโอนเงิน

มิจฉาชีพในยุคดิจิทัลไม่ได้จำกัดอยู่แค่การหลอกลวงด้วย SMS หรืออีเมลขยะอีกต่อไป กลวิธีของพวกเขากำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาเป็นเครื่องมือในการสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกลวงเหยื่ออย่างแนบเนียน หนึ่งในภัยคุกคามที่น่ากังวลที่สุดในปัจจุบันคือการใช้เทคโนโลยี Deepfake

อย่างที่เราได้รับทราบกันบ้างแล้ว Deepfake คือเทคโนโลยีการสร้างวิดีโอปลอมที่สามารถเลียนแบบใบหน้า เสียง และท่าทางของบุคคลอื่นได้อย่างสมจริง มิจฉาชีพนำเทคโนโลยีนี้มาใช้สร้างคลิปวิดีโอปลอมแปลงบุคคลสำคัญ เช่น นักการเมือง ดารา หรือแม้กระทั่งคนรู้จัก โดยสร้างสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วยกะทันหัน หรือถูกจับกุม เพื่อหลอกขอความช่วยเหลือทางการเงินจากคนใกล้ชิดหรือผู้ที่ติดตาม ความเนียนของวิดีโอ Deepfake ทำให้ยากที่จะแยกแยะว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ส่งผลให้เหยื่อตกหลุมพรางได้ง่าย

นอกจากการปลอมแปลงเป็นบุคคลสำคัญแล้ว มิจฉาชีพยังใช้ Deepfake สร้างภาพหลอกลวงว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ตกอยู่ในอันตราย เช่น ลูกถูกลักพาตัว หรือญาติผู้ใหญ่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อกดดันให้เหยื่อโอนเงินอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กลวิธีนี้เล่นกับความรักและความเป็นห่วงของเหยื่อ ทำให้ตัดสินใจโดยใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

ภัยจากมิจฉาชีพไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Deepfake เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างเว็บไซต์ปลอม แอปพลิเคชันหลอกลวง และการแฮ็กบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน และสร้างความเสียหายให้กับเหยื่อ

เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยมิจฉาชีพในยุคดิจิทัล เราควรระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำธุรกรรมทางการเงิน อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ได้รับมาทางออนไลน์โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นข้อมูลที่ดูน่าตื่นเต้นหรือเร่งด่วนจนเกินไป ควรติดต่อกับบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล และหมั่นอัปเดตความรู้เกี่ยวกับกลโกงของมิจฉาชีพอยู่เสมอ ความตื่นตัวและการมีสติ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากภัยคุกคามในโลกไซเบอร์