เมื่อเกิดอุบัติภัยร้ายแรง หรือลูกจ้างประสบอันตรายจากการ ทํา งาน นายจ้าง มีหน้าที่ ทํา อย่างไร บาง

9 การดู

เมื่อลูกจ้างประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน นายจ้างต้องแจ้งสำนักงานประกันสังคมภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบเหตุ โดยยื่นแบบ กท.16 ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับการดูแลตามสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับจากกองทุนเงินทดแทน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อเกิดอุบัติภัยร้ายแรงหรือลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงาน นายจ้างมีหน้าที่สำคัญหลายประการที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและถูกต้องตามกฎหมาย นอกเหนือจากการแจ้งสำนักงานประกันสังคมภายใน 15 วันโดยใช้แบบ กท.16 ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนแล้ว นายจ้างยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ดังนี้

การช่วยเหลือเบื้องต้นและการรักษาพยาบาล:

  • การปฐมพยาบาลเบื้องต้น: นายจ้างต้องจัดให้มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บทันที หากสถานประกอบการมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ควรให้ จป. เป็นผู้ดำเนินการ หรือบุคคลที่ได้รับการฝึกอบรม หากไม่มี ควรติดต่อหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน (1669) พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเท่าที่สามารถทำได้อย่างปลอดภัย
  • การนำส่งโรงพยาบาล: นายจ้างต้องจัดหาพาหนะเพื่อนำลูกจ้างส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็วที่สุด และควรแจ้งญาติหรือผู้ที่ลูกจ้างต้องการให้ติดต่อให้ทราบโดยเร็ว
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล: นายจ้างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของลูกจ้างจนกว่าจะหายดี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับการรักษา ค่ากายอุปกรณ์ และค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ หากจำเป็น

การสืบสวนหาสาเหตุและการป้องกัน:

  • การสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุ: นายจ้างมีหน้าที่สืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยอาจร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
  • การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน: หลังจากทราบสาเหตุของอุบัติเหตุแล้ว นายจ้างต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขสภาพแวดล้อมในการทำงาน เครื่องจักร อุปกรณ์ และขั้นตอนการทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ รวมถึงการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ด้านความปลอดภัยแก่ลูกจ้างอย่างสม่ำเสมอ

การดูแลด้านจิตใจและสวัสดิภาพ:

  • การให้คำปรึกษาและการสนับสนุนทางจิตใจ: อุบัติเหตุ อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของลูกจ้าง นายจ้างควรให้คำปรึกษาและการสนับสนุนทางจิตใจแก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ และควรให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของลูกจ้างด้วย
  • การจัดหาอาชีพทดแทน: ในกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานเดิมได้ นายจ้างควรพิจารณาจัดหาอาชีพทดแทนที่เหมาะสมให้ เพื่อให้ลูกจ้างยังคงมีรายได้และสามารถดำรงชีวิตได้

การปฏิบัติตามหน้าที่เหล่านี้ ไม่เพียงแต่เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกจ้าง ซึ่งจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานและบรรยากาศภายในองค์กรในระยะยาว