โฆษณาที่เกินจริงมีอะไรบ้าง

1 การดู

โปรดระวังโฆษณาอาหารที่กล่าวเกินจริง เช่น อ้างสรรพคุณป้องกันโรคเรื้อรังโดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือใช้คำว่า มหัศจรรย์ วิเศษ โดยไม่ระบุคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง การโฆษณาต้องอ้างอิงข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จับตาโฆษณาเกินจริง: อย่าตกเป็นเหยื่อคำหวานที่แฝงอันตราย

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนอย่างรวดเร็วผ่านสื่อต่างๆ การโฆษณาเข้ามามีบทบาทสำคัญในการชี้นำการตัดสินใจของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสโฆษณาที่แข่งขันกันดึงดูดความสนใจ “โฆษณาเกินจริง” กลายเป็นกับดักที่ผู้บริโภคต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโฆษณาอาหารที่มักใช้กลยุทธ์ทางภาษาเพื่อโน้มน้าวใจให้เกิดการซื้อ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องของข้อมูล

โฆษณาเกินจริงในผลิตภัณฑ์อาหารมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้คำโฆษณาที่คลุมเครือ กำกวม ไปจนถึงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง โดยขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ตัวอย่างเช่น:

  • อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรค: โฆษณาบางรายการอาจกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์อาหารของตนสามารถรักษาโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือแม้กระทั่งมะเร็ง โดยไม่มีผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือมารองรับ ซึ่งถือเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากผู้ป่วยหลงเชื่อและละเลยการรักษาทางการแพทย์ที่ถูกต้อง
  • ใช้คำศัพท์เร้าใจเกินจริง: คำว่า “มหัศจรรย์” “วิเศษ” “สุดยอด” มักถูกนำมาใช้ในโฆษณาเพื่อสร้างความน่าสนใจ แต่กลับไม่ได้ระบุคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถประเมินคุณค่าที่แท้จริงได้
  • เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์กับคู่แข่งโดยไม่มีข้อมูลอ้างอิง: การกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์ของตนดีกว่าคู่แข่งโดยปราศจากข้อมูลเปรียบเทียบที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ ถือเป็นการโฆษณาเกินจริงและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
  • ใช้ภาพหรือกราฟิกที่ทำให้เข้าใจผิด: บางครั้งโฆษณาอาจใช้ภาพหรือกราฟิกที่บิดเบือนความเป็นจริง เช่น แสดงภาพผลลัพธ์ก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้ระบุว่าผลลัพธ์ดังกล่าวเกิดจากปัจจัยอื่นร่วมด้วยหรือไม่

การโฆษณาที่เกินจริงไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อผู้บริโภค แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจและความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมอาหารโดยรวม ดังนั้น ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงจริยธรรมในการโฆษณา นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และตรวจสอบได้ ส่วนผู้บริโภคเองก็ควรมีวิจารณญาณในการรับข้อมูล ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และไม่หลงเชื่อโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เพื่อปกป้องตนเองจากการถูกหลอกลวงและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมาะสมกับตนเองอย่างแท้จริง