กรดไหลย้อนควรกินข้าวเวลาไหน

3 การดู

เพื่อป้องกันและรักษาโรคกรดไหลย้อน ควรกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และเน้นบริโภคผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี กล้วย และอะโวคาโด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

นาฬิกาชีวิตกับกรดไหลย้อน: กินข้าวเวลาไหนถึงจะดีต่อใจ (และกระเพาะ)?

กรดไหลย้อน… ศัตรูตัวร้ายที่คอยกวนใจหลายๆ คน อาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว หรือแม้แต่ไอเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากรดในกระเพาะอาหารกำลังเดินทางผิดที่ผิดทางขึ้นมาสู่หลอดอาหารของเรา นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและเลือกอาหารที่เหมาะสมแล้ว การใส่ใจเรื่อง “เวลา” ในการกินอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนาฬิกาชีวิตของเรามีผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารโดยตรง

ทำไมเวลาถึงสำคัญ?

ร่างกายของเรามีกลไกควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหารเป็นจังหวะ เมื่อเรารับประทานอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดที่อยู่ระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหารจะคลายตัวเพื่อให้สารอาหารไหลลงสู่กระเพาะ จากนั้นก็จะปิดสนิทเพื่อป้องกันกรดในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมา แต่หากเราทานอาหารใกล้เวลานอน กลไกนี้อาจทำงานได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับแรงโน้มถ่วงที่ช่วยยึดอาหารไว้ในกระเพาะเมื่อเราอยู่ในท่านั่งหรือยืน จะหายไปเมื่อเรานอนลง ทำให้กรดในกระเพาะมีโอกาสไหลย้อนกลับได้ง่ายขึ้น

กฎเหล็ก 3 ชั่วโมง: ตัวช่วยลดกรดไหลย้อน

หลายคนคงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่า “ควรกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง” นี่ไม่ใช่แค่ความเชื่อ แต่เป็นหลักการที่อิงตามวิทยาศาสตร์ เพราะช่วงเวลา 3 ชั่วโมงนี้เป็นเวลาที่ร่างกายส่วนใหญ่ใช้ในการย่อยอาหารมื้อเย็นให้เสร็จสิ้น กระเพาะอาหารจะว่างเปล่า หรือมีอาหารเหลือน้อยมากก่อนที่เราจะเข้านอน ช่วยลดโอกาสที่กรดในกระเพาะจะไหลย้อนกลับขึ้นมาขณะที่เรานอนหลับ

กินอะไรดี… ที่ไม่ทรมานกระเพาะ?

นอกจากการเว้นระยะห่างจากเวลานอนแล้ว การเลือกชนิดของอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน การเน้นบริโภคผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี กล้วย และอะโวคาโด เป็นทางเลือกที่ดี เพราะไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหารและลดการเกิดกรดเกินในกระเพาะอาหาร

  • ผักใบเขียว: อุดมไปด้วยไฟเบอร์และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แถมยังช่วยลดกรดในกระเพาะ
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี: มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบ และมีไฟเบอร์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร
  • กล้วย: มีฤทธิ์เป็นด่าง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร
  • อะโวคาโด: อุดมไปด้วยไขมันดีและไฟเบอร์ ช่วยให้อิ่มนาน และลดความเสี่ยงในการทานอาหารมื้อดึก

มากกว่าเวลาและอาหาร:

การป้องกันและรักษาโรคกรดไหลย้อนไม่ได้มีแค่เรื่องเวลาและชนิดของอาหารเท่านั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้านอื่นๆ ก็สำคัญเช่นกัน เช่น

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นกรด: เช่น อาหารมัน อาหารทอด อาหารรสจัด ช็อกโกแลต กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ลดน้ำหนัก: หากมีน้ำหนักเกิน การลดน้ำหนักสามารถช่วยลดแรงกดดันต่อกระเพาะอาหาร และลดโอกาสที่กรดจะไหลย้อน
  • งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารคลายตัว และเพิ่มโอกาสที่กรดจะไหลย้อน
  • ยกหัวเตียงให้สูง: การยกหัวเตียงขึ้นเล็กน้อย ช่วยให้กรดในกระเพาะไม่ไหลย้อนกลับขึ้นมาขณะนอนหลับ

บทสรุป:

การใส่ใจเรื่องเวลาในการกินอาหาร โดยเฉพาะมื้อสุดท้ายก่อนนอน ควบคู่ไปกับการเลือกอาหารที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคกรดไหลย้อน ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตตามคำแนะนำเหล่านี้ แล้วคุณจะพบว่าการมีสุขภาพที่ดีขึ้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด