กินอะไรให้หายไมเกรน

4 การดู

ลดอาการไมเกรนด้วยอาหารกลุ่มวิตามินบีสูง อย่างเช่น ถั่วต่างๆ ตับ และไข่ ควบคู่กับการดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น เช่น ช็อคโกแลต และอาหารแปรรูป เพื่อการบรรเทาอาการที่ได้ผลดีและยั่งยืน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไมเกรนจุกจิก…จัดการได้ด้วยอาหาร! เส้นทางสู่การบรรเทาอาการอย่างยั่งยืน

ไมเกรน อาการปวดหัวข้างเดียวที่รุนแรงและทรมาน มักมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน และความไวต่อแสงและเสียง เป็นปัญหาที่สร้างความทุลักทุเลให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อย แม้ว่ายาจะเป็นตัวช่วยสำคัญ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แทนที่จะพึ่งพายาระงับปวดเพียงอย่างเดียว การเลือกกินอาหารอย่างถูกวิธีสามารถช่วยสนับสนุนร่างกายให้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดไมเกรน และช่วยบรรเทาอาการเมื่อมันถามหา และนี่คือเคล็ดลับการกินเพื่อสุขภาพสมองและลดอาการไมเกรน:

1. บำรุงสมองด้วยวิตามินบี: กุญแจสำคัญสู่ความสงบ

วิตามินบีหลายชนิด โดยเฉพาะ B2, B6 และ B12 มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบประสาท การขาดวิตามินเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดไมเกรน ดังนั้น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีจึงเป็นสิ่งจำเป็น แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ได้แก่:

  • ถั่วต่างๆ: ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วเขียว อุดมไปด้วยวิตามินบีและใยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูกซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นไมเกรน
  • ตับ: เป็นแหล่งวิตามินบี 12 ที่ดีเยี่ยม วิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท
  • ไข่: ไข่ทั้งใบอุดมไปด้วยวิตามินบีหลายชนิด รวมถึงโคลีน สารอาหารสำคัญสำหรับสมอง
  • ผักใบเขียว: เช่น ผักโขม คะน้า เป็นแหล่งวิตามินบีที่สำคัญอีกด้วย

2. น้ำเปล่าคือเพื่อนแท้: ชุ่มชื้นทั้งร่างกายและจิตใจ

การขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นการเกิดไมเกรน น้ำช่วยรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ทำให้ระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอตลอดทั้งวัน จึงช่วยลดโอกาสการเกิดไมเกรนได้

3. หลีกเลี่ยงศัตรูตัวฉกาจ: อาหารกระตุ้นและสารเติมแต่ง

บางชนิดของอาหารและเครื่องดื่ม อาจกระตุ้นการเกิดไมเกรนในบางบุคคล การระบุและหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ อาหารที่ควรระวัง ได้แก่:

  • ช็อคโกแลต: ประกอบด้วยสารคาเฟอีนและไทราไมน์ ซึ่งเป็นสารกระตุ้นระบบประสาท
  • อาหารแปรรูป: มักมีสารกันบูด สารแต่งสี และสารปรุงแต่งต่างๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดง อาจกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้
  • อาหารที่มีไนเตรทและไนไทรต์สูง: เช่น เบคอน ไส้กรอก เนื้อแปรรูป

4. อย่าลืมออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ:

นอกจากการกินอาหารที่ดีแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการไมเกรนได้ การนอนหลับอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายและสมองได้ซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งสำคัญมากสำหรับการลดอาการไมเกรน

บทส่งท้าย:

การจัดการไมเกรน ไม่ใช่เรื่องยาก หากเราใส่ใจดูแลสุขภาพโดยรวม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ควบคู่กับการใช้ชีวิตอย่างสมดุล จะช่วยให้เราสามารถลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากอาการไมเกรนรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป