ท้องตึงเกิดจากอะไร

2 การดู

อาการท้องตึงระหว่างตั้งครรภ์อาจเกิดจากมดลูกหดรัดตัวแบบ Braxton Hicks ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้ในช่วงไตรมาสที่สองและสาม ทำให้รู้สึกท้องแข็งหรือแน่นเป็นพักๆ คล้ายอาการเจ็บเตือน แต่จะไม่มีความถี่สม่ำเสมอและไม่รุนแรงเท่าอาการเจ็บจริง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ท้องตึง…อาการธรรมดาหรือสัญญาณเตือน? ไขปริศนาสาเหตุที่แท้จริง

อาการท้องตึงเป็นอาการที่พบได้บ่อยทั้งในผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ความรู้สึก “แน่น” หรือ “ตึง” ในช่องท้องนี้ สามารถบ่งบอกถึงสาเหตุที่หลากหลาย การวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงจำเป็นต้องอาศัยการสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องตึง โดยแยกแยะให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

ในหญิงตั้งครรภ์:

อาการท้องตึงในหญิงตั้งครรภ์นั้น มักเกิดจากหลายปัจจัย และในหลายกรณีถือเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน

  • มดลูกหดรัดตัวแบบ Braxton Hicks: นี่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด มดลูกจะหดตัวเป็นระยะๆ ทำให้รู้สึกท้องแข็งหรือแน่น คล้ายกับอาการเจ็บครรภ์แต่จะไม่รุนแรง และไม่มีความถี่หรือรูปแบบที่สม่ำเสมอ อาการนี้มักพบได้ในช่วงไตรมาสที่สองและสามของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้คลอด

  • การย่อยอาหารไม่ดี: อาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊ส ท้องอืด และท้องตึงได้ เช่น อาหารที่มีกากใยสูง อาหารมันๆ หรืออาหารที่มีส่วนผสมของแล็กโทส ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวได้

  • ภาวะท้องผูก: การขับถ่ายไม่สะดวก ทำให้เกิดการสะสมของอุจจาระในลำไส้ ก่อให้เกิดความรู้สึกท้องตึง ปวดท้อง และแน่นท้อง

  • การขยายตัวของมดลูก: เมื่อทารกในครรภ์เจริญเติบโต มดลูกก็จะขยายใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เกิดความรู้สึกแน่น ตึง และไม่สบายบริเวณช่องท้อง โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาสที่สาม

  • ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ: ในบางกรณี อาการท้องตึงอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) ซึ่งอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง บวม และปวดหัว หรือภาวะรกก่อนกำหนด จึงควรปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือมีอาการบวมอย่างผิดปกติ

ในผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์:

นอกจากหญิงตั้งครรภ์แล้ว ผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ก็อาจมีอาการท้องตึงได้เช่นกัน สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก:

  • การย่อยอาหารไม่ดี: เช่นเดียวกับในหญิงตั้งครรภ์ การทานอาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊ส ท้องอืด และท้องตึงได้

  • ท้องผูก: การขับถ่ายไม่เป็นปกติ ทำให้เกิดการสะสมของอุจจาระในลำไส้

  • ภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS): โรคเกี่ยวกับลำไส้ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก และท้องเสียสลับกัน

  • การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร: การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย และท้องตึง

  • โรคอื่นๆ: อาการท้องตึงอาจเป็นอาการแสดงของโรคอื่นๆ เช่น โรคเกี่ยวกับตับ ไต หรืออวัยวะภายในอื่นๆ

เมื่อใดควรไปพบแพทย์?

หากอาการท้องตึงรุนแรง มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสาเหตุของอาการท้องตึงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เสมอ