ส้มตำปราร้ากี่เเคล

2 การดู

ส้มตำปูไข่ดองสูตรต้นตำรับ เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูนหอมนุ่ม ให้พลังงานเพียง 155 กิโลแคลอรี่ อุดมด้วยโปรตีนจากปูและไข่ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุจากผักสด รสชาติจัดจ้านกลมกล่อม เป็นเมนูสุขภาพที่อร่อยและคุ้มค่า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เปิดตำราความอร่อย: ส้มตำปลาร้า… แคลอรี่เบาๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน!

ส้มตำ ปรารถนาของใครหลายคน… รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์! แต่คำถามยอดฮิตที่มักจะตามมาก็คือ “ส้มตำปลาร้า… กินแล้วอ้วนไหมเนี่ย?”

วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องแคลอรี่ในส้มตำปลาร้ากันแบบเจาะลึก พร้อมเคล็ดลับการกินให้ฟินแบบไม่รู้สึกผิด!

ส้มตำปลาร้า… กี่แคลอรี่กันแน่?

ต้องบอกก่อนว่า ปริมาณแคลอรี่ในส้มตำปลาร้าแต่ละจานนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและปริมาณที่ใช้ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อแคลอรี่คือ:

  • ปริมาณเส้นมะละกอ: เส้นมะละกอเป็นส่วนประกอบหลัก แต่แคลอรี่ไม่สูงมาก
  • ปริมาณน้ำปลาร้า: น้ำปลาร้าเป็นตัวชูโรงของรสชาติ แต่ก็มีโซเดียมสูง ควรใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ
  • ปริมาณน้ำตาลปี๊บ: น้ำตาลปี๊บเป็นส่วนประกอบที่ให้ความหวาน ซึ่งส่งผลต่อแคลอรี่โดยตรง
  • ปริมาณถั่วลิสงคั่ว: ถั่วลิสงคั่วเพิ่มความมันและความกรุบกรอบ แต่ก็มีไขมันอยู่พอสมควร
  • ส่วนผสมอื่นๆ: มะเขือเทศ พริก กระเทียม มะนาว จะมีผลต่อแคลอรี่น้อยมาก

โดยเฉลี่ยแล้ว ส้มตำปลาร้า 1 จาน (ประมาณ 200-250 กรัม) จะให้พลังงานประมาณ 120-180 กิโลแคลอรี่

ทำไมส้มตำปลาร้าถึงเป็นเมนูที่ “ดีต่อใจ” (และอาจจะดีต่อสุขภาพ)?

  • แคลอรี่ต่ำ: เมื่อเทียบกับอาหารอื่นๆ ส้มตำปลาร้าถือว่าเป็นเมนูที่ให้พลังงานไม่สูงมากนัก
  • อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: จากผักสดต่างๆ เช่น มะละกอ มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว
  • มีไฟเบอร์สูง: ช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดความอยากอาหาร
  • รสชาติจัดจ้าน: ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน (เล็กน้อย)

เคล็ดลับการกินส้มตำปลาร้าให้ “ฟิน” แบบไม่รู้สึกผิด:

  • สั่งแบบ “หวานน้อย”: ลดปริมาณน้ำตาลปี๊บลง หรือใช้น้ำตาลหญ้าหวานแทน
  • บอกแม่ค้า “ถั่วลิสงน้อยๆ นะคะ”: ลดปริมาณถั่วลิสงคั่วลง
  • กินกับข้าวเหนียวในปริมาณที่พอเหมาะ: ข้าวเหนียวเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต ควรควบคุมปริมาณ
  • เพิ่มผักสด: สั่งผักสดเพิ่ม เช่น แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว เพื่อเพิ่มไฟเบอร์และวิตามิน
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ: เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน

สรุป:

ส้มตำปลาร้าเป็นเมนูที่อร่อยถูกปาก แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหากกินในปริมาณที่พอเหมาะ และปรับเปลี่ยนส่วนผสมให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเอร็ดอร่อยกับส้มตำปลาร้าได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวอ้วนอีกต่อไป!

คำเตือน: สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังปริมาณโซเดียมในน้ำปลาร้า และปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน