การพูดภาษาอังกฤษมีกี่ระดับ
ภาษาอังกฤษแบ่งระดับความสามารถออกเป็นหลายระดับ โดยทั่วไปใช้เกณฑ์ CEFR ซึ่งมีระดับ A1 (พื้นฐาน), A2 (เบื้องต้น), B1 (ระดับกลาง), B2 (ระดับกลาง-สูง), C1 (ระดับสูง) และ C2 (เชี่ยวชาญ) การพัฒนาภาษาควรค่อยเป็นค่อยไป ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อพัฒนาสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างมั่นคง
บันไดภาษาอังกฤษ: เส้นทางสู่ความเชี่ยวชาญและการแบ่งระดับตาม CEFR
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเปรียบเสมือนการปีนบันไดสู่จุดสูงสุด ซึ่งแต่ละขั้นบันไดคือระดับความสามารถที่บ่งบอกถึงทักษะและความเข้าใจในภาษาที่แตกต่างกันไป การทราบว่าตนเองอยู่ในระดับใด และเป้าหมายต่อไปคืออะไร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราวางแผนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ
หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่า “ภาษาอังกฤษพื้นฐาน” หรือ “ภาษาอังกฤษระดับกลาง” แต่จริงๆ แล้วการแบ่งระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษมีความละเอียดและเป็นระบบมากกว่านั้น โดยระบบที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากลคือ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) หรือ กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป
CEFR แบ่งระดับความสามารถทางภาษาออกเป็น 6 ระดับหลัก ได้แก่:
- A1 (ระดับพื้นฐาน): ผู้เรียนในระดับนี้สามารถเข้าใจและใช้สำนวนง่ายๆ และประโยคพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความต้องการขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย การแนะนำตัวเอง การสั่งอาหาร หรือการถามทาง
- A2 (ระดับเบื้องต้น): ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคและสำนวนที่ใช้บ่อยที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่คุ้นเคย เช่น ข้อมูลส่วนตัว ครอบครัว การซื้อของ หรือสภาพแวดล้อมใกล้ตัว พวกเขาสามารถสื่อสารข้อมูลพื้นฐานและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างง่ายๆ
- B1 (ระดับกลาง): ผู้เรียนสามารถเข้าใจประเด็นหลักของบทสนทนาที่ชัดเจนและเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย เช่น งานอดิเรก การเดินทาง หรือข่าวสาร พวกเขาสามารถจัดการกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในการเดินทางไปยังพื้นที่ที่ใช้ภาษาอังกฤษ และสามารถเขียนข้อความที่เรียบง่ายเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย
- B2 (ระดับกลาง-สูง): ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ ทั้งในแง่ของภาษาและหัวข้อ พวกเขาสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ ทำให้สามารถโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อทั้งสองฝ่าย พวกเขาสามารถเขียนข้อความที่ชัดเจนและมีรายละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อที่หลากหลาย และสามารถแสดงความคิดเห็นและอธิบายข้อดีข้อเสียของเรื่องต่างๆ ได้
- C1 (ระดับสูง): ผู้เรียนสามารถเข้าใจข้อความที่ซับซ้อนและยาว รวมถึงเข้าใจความหมายโดยนัย พวกเขาสามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพในบริบททางสังคม วิชาการ และวิชาชีพ และสามารถผลิตข้อความที่ชัดเจน มีโครงสร้างดี และมีรายละเอียด
- C2 (ระดับเชี่ยวชาญ): ผู้เรียนสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินหรือได้อ่าน พวกเขาสามารถสรุปข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ สามารถถ่ายทอดความคิดเห็นได้อย่างคล่องแคล่ว ชัดเจน และเป็นธรรมชาติ และสามารถแยกแยะความแตกต่างของความหมายได้อย่างละเอียด แม้ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนที่สุด
ทำไมการรู้ระดับภาษาอังกฤษของตนเองจึงสำคัญ?
การทราบระดับภาษาอังกฤษของตนเองตามเกณฑ์ CEFR มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่:
- กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: ทำให้เราสามารถตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความสามารถและแรงจูงใจของตนเองได้
- เลือกสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม: ช่วยให้เราเลือกหนังสือเรียน คอร์สเรียน หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของเรา
- วัดผลความก้าวหน้า: เป็นเครื่องมือในการวัดผลความก้าวหน้าในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเราอย่างเป็นระบบ
- เป็นที่ยอมรับในระดับสากล: ระดับ CEFR เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารเกี่ยวกับความสามารถทางภาษาอังกฤษของเราในการสมัครงาน การเรียนต่อ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง:
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในระดับใด การพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างมั่นคง อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูก และสนุกไปกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ!
#การเรียนรู้#ภาษาอังกฤษ#ระดับภาษาข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต