การสะท้อนและการหักเหของคลื่นแตกต่างกันอย่างไร

การสะท้อนและการหักเหของคลื่น: ความแตกต่างที่สำคัญ

คลื่นเป็นการรบกวนที่เคลื่อนที่ผ่านตัวกลางโดยไม่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของอนุภาคของตัวกลาง กล่าวอีกนัยหนึ่ง คลื่นเป็นการรบกวนที่แพร่กระจายผ่านสสารหรือพลังงาน เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ พวกมันสามารถกระทบกับสิ่งกีดขวางหรือผ่านจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น คลื่นอาจสะท้อนหรือหักเห

การสะท้อน

การสะท้อนคือการที่คลื่นเปลี่ยนทิศทางเมื่อกระทบกับสิ่งกีดขวาง เมื่อคลื่นกระทบกับสิ่งกีดขวาง พวกคลื่นจะกระเด้งกลับในทิศทางที่เท่ากับมุมตกกระทบ กฎการสะท้อนระบุว่ามุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน ตัวอย่างทั่วไปของการสะท้อน ได้แก่ การสะท้อนแสงจากกระจกหรือการสะท้อนคลื่นเสียงจากกำแพง

การหักเห

การหักเหคือการที่คลื่นเปลี่ยนทิศทางเมื่อผ่านจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่งที่มีความหนาแน่นต่างกัน เมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นมากขึ้น คลื่นจะหักเหไปทางตั้งฉากมากกว่า ในทางกลับกัน เมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากตัวกลางที่มีความหนาแน่นมากไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยลง คลื่นจะหักเหห่างจากตั้งฉากมากขึ้น กฎของสเนลล์อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างมุมตกกระทบ, มุมหักเห, และอัตราเร็วของคลื่นในตัวกลางทั้งสอง

ตัวอย่างของการหักเห

ตัวอย่างทั่วไปของการหักเห ได้แก่ การหักเหของแสงเมื่อผ่านจากอากาศไปยังน้ำหรือการหักเหของคลื่นเสียงเมื่อผ่านจากอากาศไปยังน้ำ การหักเหยังเป็นสาเหตุของมิราจและภาพหลอนอื่นๆ

บทสรุป

การสะท้อนและการหักเหเป็นปรากฏการณ์สองประการที่แตกต่างกันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อคลื่นกระทบกับสิ่งกีดขวางหรือผ่านจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง การสะท้อนเกี่ยวข้องกับคลื่นที่เปลี่ยนทิศทางเมื่อกระทบกับสิ่งกีดขวาง ในขณะที่การหักเหเกี่ยวข้องกับคลื่นที่เปลี่ยนทิศทางเมื่อผ่านจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่งที่มีความหนาแน่นต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการสะท้อนและการหักเหมีความสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ มากมายในโลกธรรมชาติ รวมถึงการสะท้อนแสง การหักเหของแสง และการแพร่กระจายของคลื่นเสียง