คะแนน TGAT ควรได้เท่าไหร่ถึงจะติดจุฬาได้

1 การดู

การเตรียมตัวสอบเข้าจุฬาฯ ควรวางแผนอย่างรอบคอบ เน้นความเข้าใจเนื้อหา มากกว่าการท่องจำ เพื่อให้ได้คะแนน TGAT สูง อย่างน้อย 75 คะแนนขึ้นไป จึงจะสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการเตรียมสอบวิชาอื่นๆ อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าศึกษาต่อ อย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจด้วย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เส้นทางสู่รั้วจามจุรี: TGAT เท่าไหร่ถึงจะติดจุฬาฯ?

การเดินทางสู่รั้วจามจุรี มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ย่อมเป็นเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับนักเรียนมัธยมปลายหลายคน หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อคโอกาสนั้นคือการทำคะแนนสอบ TGAT (Thai General Aptitude Test) ให้ดีเยี่ยม คำถามที่วนเวียนอยู่ในใจของน้องๆ หลายคนคือ “TGAT ต้องได้เท่าไหร่ถึงจะติดจุฬาฯ?”

คำตอบนั้นไม่อาจฟันธงลงไปได้อย่างชัดเจน เพราะเกณฑ์การคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในแต่ละคณะและรอบการรับสมัครมีความแตกต่างกัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคะแนนขั้นต่ำในการเข้าศึกษาต่อได้แก่:

  • คณะที่เลือก: แต่ละคณะมีเกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกัน คณะที่ได้รับความนิยมสูงย่อมมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้คะแนน TGAT ขั้นต่ำที่ต้องการสูงตามไปด้วย
  • รอบการรับสมัคร: รอบการรับสมัครแต่ละรอบ (เช่น TCAS รอบ 1 Portfolio, รอบ 2 Quota, รอบ 3 Admission) มีสัดส่วนการใช้คะแนนที่แตกต่างกัน บางรอบอาจให้น้ำหนักกับ TGAT มากกว่าวิชาอื่นๆ
  • คะแนนเฉลี่ยของปีนั้นๆ: ความยากง่ายของข้อสอบในปีนั้นๆ ส่งผลต่อคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งหมด หากข้อสอบยาก คะแนนเฉลี่ยจะต่ำลง ทำให้คะแนนขั้นต่ำในการเข้าศึกษาต่ออาจลดลงได้
  • จำนวนผู้สมัคร: หากมีผู้สมัครในคณะนั้นๆ จำนวนมาก การแข่งขันก็จะสูงขึ้น ทำให้คะแนนขั้นต่ำในการเข้าศึกษาต่อสูงขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น ตัวเลข “75 คะแนน” ที่กล่าวมาในตอนต้นอาจเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น การตั้งเป้าหมายคะแนน TGAT ให้อยู่ในระดับสูง ถือเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ แต่การทำคะแนนให้สูงเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการเข้าศึกษาต่อในจุฬาฯ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจในเนื้อหาและรูปแบบการสอบ TGAT อย่างละเอียด ฝึกฝนทำข้อสอบเก่าอย่างสม่ำเสมอ และพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการสอบ เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการสื่อสาร

นอกจาก TGAT แล้ว การเตรียมตัวในส่วนอื่นๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่:

  • การสอบวิชาสามัญ (A-Level): หลายคณะใช้คะแนน A-Level ร่วมกับการพิจารณา การเตรียมตัวสอบ A-Level ให้ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าศึกษาต่อได้
  • Portfolio: สำหรับการสมัครในรอบ Portfolio การสร้าง Portfolio ที่น่าสนใจและแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างชัดเจน จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการ
  • การสัมภาษณ์: การเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ เป็นขั้นตอนสำคัญในการแสดงความตั้งใจและความเหมาะสมของตนเองต่อคณะที่เลือก

เหนือสิ่งอื่นใด การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด จะช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ

สรุปแล้ว การเข้าศึกษาต่อในจุฬาฯ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคะแนน TGAT เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานระหว่างคะแนนสอบ การเตรียมตัวในด้านต่างๆ และความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ ขอให้น้องๆ ทุกคนมุ่งมั่น ตั้งใจ และเตรียมตัวอย่างเต็มที่ เพื่อก้าวสู่รั้วจามจุรีได้อย่างที่ตั้งใจไว้