คํากริยามีอะไรบ้าง ป.6

0 การดู

คำกริยาคือคำที่แสดงการกระทำหรือสภาพของบุคคล สัตว์ หรือสิ่งของ เช่น วิ่ง, กิน, นอน, สวยงาม, อ่อนแอ คำกริยาแบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ สกรรมกริยาที่ต้องมีกรรมตามหลัง เช่น เขียนหนังสือ และ อกรรมกริยาที่ไม่ต้องการกรรม เช่น นอนหลับ การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้สร้างประโยคได้อย่างถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ผจญภัยในโลกคำกริยา: คู่มือฉบับ ป.6 พิชิตไวยากรณ์ภาษาไทย

สวัสดีน้องๆ ชั้น ป.6 ทุกคน! วันนี้เราจะมาออกผจญภัยสนุกๆ ในโลกของ คำกริยา กันนะ! เชื่อว่าน้องๆ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อคำนี้กันมาบ้างแล้ว แต่บางทีอาจจะยังไม่แน่ใจว่าคำกริยาคืออะไร มีหน้าที่อะไร แล้วทำไมเราถึงต้องเรียนรู้เรื่องนี้ด้วย? ไม่ต้องกังวล! เพราะบทความนี้จะพาเราไปสำรวจโลกของคำกริยาอย่างละเอียด เข้าใจง่าย และรับรองว่าไม่เหมือนกับเนื้อหาที่เคยเจอมาแน่นอน!

คำกริยา: นักแสดงหลักในประโยค

ลองนึกภาพว่าประโยคหนึ่งประโยคคือละครเวที คำกริยาก็เปรียบเสมือนนักแสดงหลักที่คอยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดำเนินไป คำกริยาคือคำที่ แสดงอาการ การกระทำ สภาพ หรือความเป็นไป ของประธานในประโยค

อย่างที่บทนำบอกไปแล้วว่า คำกริยาคือคำที่บอกว่า ประธาน (คน, สัตว์, สิ่งของ) กำลังทำอะไร หรือมีสภาพเป็นอย่างไร ลองมาดูตัวอย่างกันนะ:

  • การกระทำ: นก บิน (บอกว่านกกำลังทำอะไร)
  • อาการ: ฉัน หัวเราะ (บอกว่าฉันมีอาการอย่างไร)
  • สภาพ: ดอกไม้ สวย (บอกว่าดอกไม้มีสภาพเป็นอย่างไร)
  • ความเป็นไป: ฝนกำลัง ตก (บอกว่าฝนกำลังเกิดอะไรขึ้น)

คำกริยามีสองพี่น้อง: สกรรมกริยา vs. อกรรมกริยา

คำกริยาไม่ได้มีแค่แบบเดียวนะ! แต่เหมือนมีพี่น้องสองคนที่แตกต่างกัน นั่นคือ สกรรมกริยา และ อกรรมกริยา

  • สกรรมกริยา: เป็นพี่ชายที่ขี้เหงา ต้องมี “เพื่อนซี้” ตามมาด้วยเสมอ! “เพื่อนซี้” ที่ว่าก็คือ กรรม นั่นเอง กรรมคือผู้ถูกกระทำ หรือผู้ที่ได้รับผลจากการกระทำของประธาน ตัวอย่างเช่น:

    • น้อง กิน ข้าว (น้องเป็นผู้กระทำ, ข้าวเป็นกรรม ผู้ถูกกิน)
    • ครู สอน นักเรียน (ครูเป็นผู้กระทำ, นักเรียนเป็นกรรม ผู้ถูกสอน)

    ถ้าไม่มีกรรมตามมา ประโยคจะดูไม่สมบูรณ์ หรืออาจจะทำให้เข้าใจผิดได้

  • อกรรมกริยา: เป็นน้องชายที่รักอิสระ อยู่คนเดียวก็ได้สบายมาก! ไม่ต้องการกรรมมาเติมเต็ม เพราะความหมายของคำกริยาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ตัวอย่างเช่น:

    • เด็ก นอน (เด็กนอน จบ! เข้าใจได้เลย)
    • ฝน ตก (ฝนตก จบ! เข้าใจได้เลย)
    • เขา ร้องไห้ (เขาร้องไห้ จบ! เข้าใจได้เลย)

เคล็ดลับจำง่าย: ถามตัวเองว่า “อะไร” หรือ “ใคร”

ถ้าไม่แน่ใจว่าคำกริยาในประโยคเป็นสกรรมหรืออกรรม ให้ลองตั้งคำถามว่า “อะไร” หรือ “ใคร” หลังคำกริยานั้น

  • ถ้าคำถามนั้นมีคำตอบที่เป็นคำนาม (คำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่) แสดงว่าเป็น สกรรมกริยา
  • ถ้าคำถามนั้นไม่มีคำตอบ หรือไม่ make sense แสดงว่าเป็น อกรรมกริยา

ตัวอย่าง:

  • น้องกิน (กินอะไร?) -> กินข้าว (มีคำตอบ) -> สกรรมกริยา
  • เด็กนอน (นอนอะไร?) -> ไม่ make sense -> อกรรมกริยา

ทำไมต้องรู้จักคำกริยา?

การเข้าใจเรื่องคำกริยาไม่ใช่แค่เรื่องน่าเบื่อในห้องเรียนเท่านั้นนะ! แต่มีความสำคัญอย่างมากในการ:

  • สร้างประโยคที่ถูกต้องและสื่อสารได้ชัดเจน: การใช้สกรรมกริยาและอกรรมกริยาอย่างถูกต้อง จะทำให้ประโยคของเราสมบูรณ์และไม่ทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิด
  • พัฒนาทักษะการเขียนและการอ่าน: เมื่อเราเข้าใจเรื่องคำกริยา เราจะสามารถวิเคราะห์ประโยคต่างๆ ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทำให้เราเขียนได้ดีขึ้นและอ่านได้เข้าใจมากขึ้น
  • เตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนภาษาไทยในระดับสูงขึ้น: พื้นฐานเรื่องคำกริยาที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้เราเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาไทยในระดับที่ยากขึ้นได้อย่างง่ายดาย

สรุปการผจญภัย

วันนี้เราได้เรียนรู้เรื่องคำกริยา ซึ่งเป็นเหมือนนักแสดงหลักในประโยค ที่แสดงอาการ การกระทำ สภาพ หรือความเป็นไปของประธาน นอกจากนี้เรายังได้รู้จักกับพี่น้องสองคน คือ สกรรมกริยาที่ต้องมีกรรม และอกรรมกริยาที่ไม่ต้องการกรรม

หวังว่าการผจญภัยในโลกคำกริยาครั้งนี้ จะทำให้น้องๆ เข้าใจและสนุกกับการเรียนภาษาไทยมากยิ่งขึ้นนะ! อย่าลืมนำความรู้ที่ได้ไปฝึกฝนและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วน้องๆ จะพบว่าภาษาไทยไม่ได้ยากอย่างที่คิด!

แบบฝึกหัด (ลองทำดูนะ!)

ให้ระบุว่าคำกริยาในประโยคต่อไปนี้เป็น สกรรมกริยา หรือ อกรรมกริยา

  1. แมวกินปลา
  2. พระอาทิตย์ขึ้น
  3. น้องอ่านหนังสือ
  4. เขาร้องไห้
  5. ลมพัดแรง

(เฉลย: 1. สกรรม 2. อกรรม 3. สกรรม 4. อกรรม 5. อกรรม)