ทำไมประเทศไทยถึงเรียนเยอะ

ทำไมเด็กไทยถึงเรียน “เยอะ”? กว่าจะเติบใหญ่ในสังคมที่แข่งขันสูง

ประโยคที่เรามักได้ยินอยู่เสมอคือ “เด็กไทยเรียนเยอะ” มันไม่ใช่แค่คำบ่นลอยๆ แต่มันสะท้อนความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ระบบการศึกษาที่ถูกออกแบบมาให้ “รอบด้าน” อย่างที่หลายคนเข้าใจ ความ “เยอะ” นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ปริมาณเนื้อหาที่ต้องท่องจำ แต่ยังรวมถึงภาระทางความรู้สึก ความกดดัน และความคาดหวังที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตวัยเด็ก

ความ “เยอะ” ที่มากกว่าแค่ตำรา:

• หลักสูตรที่อัดแน่น: ระบบการศึกษาไทยพยายามที่จะครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้รอบด้าน แต่ผลที่ตามมาคือหลักสูตรที่อัดแน่นเกินไป เด็กต้องเรียนหลายวิชาในเวลาที่จำกัด ทำให้ไม่มีเวลาในการสำรวจความสนใจของตัวเอง หรือพัฒนาทักษะที่แท้จริงอย่างลึกซึ้ง
• การแข่งขันที่สูง: สังคมไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก การแข่งขันเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงนั้นสูงลิ่ว ทำให้เด็กต้องเร่งเรียน เร่งกวดวิชา เพื่อให้ได้คะแนนดีๆ ซึ่งนำไปสู่ความเครียดและความกดดันที่ไม่จำเป็น
• การวัดผลที่ไม่ยืดหยุ่น: การวัดผลส่วนใหญ่ยังคงเน้นการสอบที่วัดความจำมากกว่าความเข้าใจและการนำไปประยุกต์ใช้ เด็กจึงต้องเน้นการท่องจำเพื่อทำข้อสอบให้ได้คะแนนดีๆ แทนที่จะมุ่งเน้นการเรียนรู้เพื่อความเข้าใจที่แท้จริง
• กิจกรรมนอกห้องเรียนที่ “เยอะ” เกินจำเป็น: โรงเรียนหลายแห่งจัดกิจกรรมนอกห้องเรียนมากมาย เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนในด้านต่างๆ แต่บางครั้งกิจกรรมเหล่านี้ก็มากเกินไป จนกลายเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น และเบียดบังเวลาที่เด็กควรจะได้พักผ่อน หรือทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจอย่างแท้จริง

เบื้องหลังความ “เยอะ” :

ความ “เยอะ” ที่เกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทย มีรากเหง้ามาจากความเชื่อที่ว่า การศึกษาที่ดีจะนำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ความเชื่อนี้ผลักดันให้ผู้ปกครองพยายามอย่างหนักเพื่อให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้ ระบบการศึกษาไทยยังได้รับอิทธิพลจากแนวคิดแบบ “ตะวันตก” ที่เน้นความรู้รอบด้านและความสามารถในการแข่งขัน แต่ในขณะเดียวกันก็ขาดการปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย ทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างความรู้ที่ได้รับกับการนำไปใช้จริง

ทางออกที่เป็นไปได้:

• ปฏิรูปหลักสูตร: ปรับปรุงหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดเนื้อหาที่ไม่จำเป็น และเพิ่มโอกาสให้ผู้เรียนได้สำรวจความสนใจของตนเอง
• เปลี่ยนวิธีการวัดผล: เน้นการวัดผลที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การทำโครงงาน การนำเสนอ การทำงานกลุ่ม เพื่อวัดความเข้าใจและการนำไปประยุกต์ใช้
• ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต: สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่การเรียนเพื่อสอบ
• ลดความกดดัน: สนับสนุนให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุข และมีความสมดุลระหว่างการเรียนกับการใช้ชีวิต

การแก้ไขปัญหา “เด็กไทยเรียนเยอะ” เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้กำหนดนโยบาย ครู ผู้ปกครอง และตัวผู้เรียนเอง การสร้างระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต จะช่วยให้เด็กไทยเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและมีความสุขได้อย่างแท้จริง