นักทฤษฎีผู้ใดจัดอยู่ในกลุ่มนักทฤษฎีกระบวนการของการจูงใจ (Process Motivation Theory)
ทฤษฎีแรงจูงใจของ เฮอร์เบิร์ต ซิโมน (Herbert Simon) มุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจในกระบวนการทำงาน โดยมองว่ามนุษย์เป็นระบบที่สมบูรณ์แบบและมีเหตุผลในการเลือกทางเลือกที่ตรงกับเป้าหมายสูงสุด ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเสมอไป
นอกเหนือจากเฮอร์เบิร์ต ซิโมน: นักทฤษฎีกระบวนการจูงใจที่ถูกมองข้าม
บทความเกี่ยวกับทฤษฎีแรงจูงใจมักกล่าวถึงเฮอร์เบิร์ต ซิโมน (Herbert Simon) และความคิดเรื่องการตัดสินใจที่มีขอบเขตจำกัด (Bounded Rationality) แต่บทความนี้จะขยายขอบเขตไปสู่การสำรวจนักทฤษฎีกระบวนการจูงใจ (Process Motivation Theories) อื่นๆ ที่อาจถูกมองข้ามไป เพราะความจริงแล้ว การศึกษาแรงจูงใจนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพียงมุมมองของซิโมนเพียงคนเดียว ทฤษฎีของเขามุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจในบริบทของการทำงาน โดยมองมนุษย์เป็นระบบที่มีเหตุผล เลือกทางเลือกที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายสูงสุดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายใต้ข้อจำกัดของข้อมูลและเวลา ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่อาจไม่ใช่ “ดีที่สุด” เสมอไป แต่เป็น “ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ในสถานการณ์นั้นๆ
อย่างไรก็ตาม มีนักทฤษฎีอีกหลายท่านที่ศึกษา “กระบวนการ” ของการจูงใจอย่างละเอียดลออ และมุ่งเน้นไปที่มิติต่างๆ ที่ซิโมนอาจไม่ได้ให้ความสำคัญ เช่น บทบาทของอารมณ์ ความเชื่อ และปัจจัยทางสังคม ซึ่งมีอิทธิพลต่อแรงจูงใจของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น:
-
นักจิตวิทยาเชิงสังคม: นักวิจัยในสาขานี้ให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรม ที่มีผลต่อการสร้างแรงจูงใจ เช่น ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) ของแอลเบิร์ต แบนดูรา (Albert Bandura) ที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการสังเกตและเลียนแบบ ซึ่งมีผลต่อการกำหนดเป้าหมายและความพยายามของบุคคล หรือทฤษฎีการแลกเปลี่ยนทางสังคม (Social Exchange Theory) ที่อธิบายแรงจูงใจผ่านการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ในปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
-
นักทฤษฎีแรงจูงใจในองค์กร: นักวิจัยกลุ่มนี้มุ่งเน้นไปที่ปัจจัยภายในองค์กร เช่น โครงสร้าง วัฒนธรรม และระบบการบริหาร ที่มีผลต่อแรงจูงใจของพนักงาน ตัวอย่างเช่น ทฤษฎีสองปัจจัย (Two-Factor Theory) ของเฟรเดอริค เฮิร์ซเบิร์ก (Frederick Herzberg) ที่แบ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจในการทำงาน หรือทฤษฎีเป้าหมาย (Goal-Setting Theory) ของเอ็ดวิน ล็อค (Edwin Locke) ที่เน้นความสำคัญของการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดได้ และท้าทาย ในการกระตุ้นแรงจูงใจ
ดังนั้น แม้ว่าเฮอร์เบิร์ต ซิโมนจะเป็นนักทฤษฎีที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความเข้าใจเกี่ยวกับการตัดสินใจและแรงจูงใจ แต่การศึกษาเรื่องแรงจูงใจนั้นมีความซับซ้อนและมีหลายมิติ การศึกษาผลงานของนักทฤษฎีกระบวนการจูงใจอื่นๆ จะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของแรงจูงใจได้อย่างครบถ้วนและรอบด้านมากยิ่งขึ้น และนำไปสู่การออกแบบกลยุทธ์ในการสร้างแรงจูงใจที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น ทั้งในระดับบุคคล และระดับองค์กร
บทความนี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การกล่าวถึงเฮอร์เบิร์ต ซิโมน แต่ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาและทำความเข้าใจนักทฤษฎีกระบวนการจูงใจท่านอื่นๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมของมนุษย์ และนำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#กระบวนการ#จูงใจ#นักทฤษฎีข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต