ประเภทแหล่งสารสนเทศ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

3 การดู

แหล่งสารสนเทศมีหลายประเภท ตั้งแต่บุคคล สื่อ ไปจนถึงสถาบันบริการสารสนเทศ แบ่งตามลำดับการผลิตได้ 3 ระดับ: ปฐมภูมิ, ทุติยภูมิ, และตติยภูมิ โดยสารสนเทศปฐมภูมิถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับการอ้างอิงทางวิชาการ เนื่องจากเป็นการนำเสนอข้อมูลโดยตรงจากผู้สร้างหรือผู้ค้นพบ ทำให้มีความถูกต้องและเป็นต้นฉบับมากที่สุด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แหล่งสารสนเทศ: ขุมทรัพย์แห่งความรู้และประเภทต่างๆ ที่ควรรู้จัก

ในยุคข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้น การเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องง่าย แต่การแยกแยะและเลือกใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และน่าเชื่อถือกลับเป็นสิ่งที่ท้าทายกว่ามาก แหล่งสารสนเทศจึงเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่รวบรวมความรู้ไว้มากมาย แต่เราจำเป็นต้องมีความเข้าใจถึงประเภทและลักษณะของแหล่งสารสนเทศต่างๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด

แหล่งสารสนเทศสามารถแบ่งออกได้หลากหลายรูปแบบตามเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การรู้จักประเภทเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการค้นคว้าและประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การแบ่งตามลักษณะแหล่งที่มา:

นอกเหนือจากการแบ่งตามลำดับการผลิตดังที่กล่าวมา (ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ) เรายังสามารถแบ่งแหล่งสารสนเทศตามลักษณะแหล่งที่มาได้ดังนี้:

  • บุคคล: บุคคลถือเป็นแหล่งสารสนเทศที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ในด้านนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไปที่มีประสบการณ์ตรงที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากบุคคลอาจได้มาจากการสัมภาษณ์ การสนทนา การบรรยาย หรือจากการติดต่อสื่อสารอื่นๆ
  • สื่อสิ่งพิมพ์: เป็นแหล่งสารสนเทศที่คุ้นเคยกันดี เช่น หนังสือ วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ รายงานการวิจัย เอกสารทางราชการ และอื่นๆ สื่อสิ่งพิมพ์มีความหลากหลายของเนื้อหาและรูปแบบ ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้เขียน สำนักพิมพ์ และความทันสมัยของข้อมูล
  • สื่ออิเล็กทรอนิกส์: อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นแหล่งสารสนเทศขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เว็บไซต์ บล็อก บทความออนไลน์ วิดีโอ พอดแคสต์ ไปจนถึงฐานข้อมูลออนไลน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีความรวดเร็วในการเผยแพร่และเข้าถึงได้ง่าย แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องความน่าเชื่อถือและแหล่งที่มาของข้อมูลเป็นพิเศษ
  • สถาบันบริการสารสนเทศ: ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอจดหมายเหตุ องค์กรวิจัย และหน่วยงานราชการต่างๆ ล้วนเป็นสถาบันบริการสารสนเทศที่รวบรวม จัดเก็บ และให้บริการข้อมูลในรูปแบบต่างๆ สถาบันเหล่านี้มักมีระบบการจัดการข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและเข้าถึงได้ง่าย

การแบ่งตามลำดับการผลิต:

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แหล่งสารสนเทศสามารถแบ่งตามลำดับการผลิตได้ 3 ระดับ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล:

  • ปฐมภูมิ (Primary Sources): เป็นแหล่งข้อมูลต้นฉบับที่นำเสนอข้อมูลโดยตรงจากผู้สร้างหรือผู้ค้นพบ เช่น งานวิจัยต้นฉบับ รายงานการทดลอง จดหมายเหตุ สุนทรพจน์ บันทึกส่วนตัว และผลงานศิลปะ สารสนเทศปฐมภูมิมีความน่าเชื่อถือสูงสุดในการอ้างอิงทางวิชาการ
  • ทุติยภูมิ (Secondary Sources): เป็นแหล่งข้อมูลที่วิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือตีความจากสารสนเทศปฐมภูมิ เช่น บทความวิจารณ์ หนังสือเรียน ตำรา สารานุกรม และบทความสรุปงานวิจัย สารสนเทศทุติยภูมิช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลปฐมภูมิได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องอคติของผู้เขียนและการตีความที่อาจแตกต่างจากต้นฉบับ
  • ตติยภูมิ (Tertiary Sources): เป็นแหล่งข้อมูลที่รวบรวมและสรุปข้อมูลจากสารสนเทศทุติยภูมิ เช่น บรรณานุกรม ดัชนี สารบัญ เว็บไซต์รวบรวมข้อมูล และคู่มือการใช้แหล่งข้อมูลต่างๆ สารสนเทศตติยภูมิช่วยให้เราค้นหาและเข้าถึงสารสนเทศปฐมภูมิและทุติยภูมิได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องพิจารณาความครอบคลุมและความถูกต้องของข้อมูล

ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้แหล่งสารสนเทศ:

ไม่ว่าแหล่งสารสนเทศนั้นจะเป็นประเภทใด สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้:

  • ความน่าเชื่อถือ: ตรวจสอบแหล่งที่มาของผู้เขียน สำนักพิมพ์ หรือเว็บไซต์ พิจารณาว่ามีความเชี่ยวชาญหรือมีความเป็นกลางหรือไม่
  • ความถูกต้อง: เปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความสอดคล้องกัน
  • ความทันสมัย: พิจารณาว่าข้อมูลนั้นเป็นปัจจุบันหรือไม่ โดยเฉพาะในสาขาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • ความเกี่ยวข้อง: เลือกใช้แหล่งสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่ต้องการศึกษาอย่างแท้จริง
  • ความเป็นกลาง: ระมัดระวังอคติของผู้เขียนหรือผู้ผลิตข้อมูล

การรู้จักประเภทของแหล่งสารสนเทศและการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างชาญฉลาด และนำไปสู่การเรียนรู้ การวิจัย และการตัดสินใจที่ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้น การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งสารสนเทศจึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน