พจนานุกรม 4 ภาษาเล่มแรกของไทยคืออะไร

4 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

สัพะ พะจะนะ พาสา ไท พจนานุกรม 4 ภาษา (ไทย, ละติน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส) ฉบับแรกของไทย รังสรรค์โดยบาทหลวงปาเลอกัว มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสในรัชกาลที่ 3 ถวายแด่รัชกาลที่ 4 หลังใช้เวลารวบรวมกว่าทศวรรษ ถือเป็นมรดกทางภาษาศาสตร์ล้ำค่า บ่งบอกถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในอดีต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

มรดกแห่งอักษร: ส่องแสงสัพะ พะจะนะ พาสา ไท พจนานุกรมสี่ภาษาเล่มแรกของสยาม

ประวัติศาสตร์การพัฒนาภาษาและการศึกษาของไทย เต็มไปด้วยหลักฐานอันทรงคุณค่าที่สะท้อนถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมและความพยายามในการสร้างสะพานเชื่อมต่อกับโลกภายนอก หนึ่งในหลักฐานสำคัญเหล่านั้นคือ “สัพะ พะจะนะ พาสา ไท” พจนานุกรมสี่ภาษา (ไทย ละติน อังกฤษ ฝรั่งเศส) เล่มแรกของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นมรดกทางภาษาศาสตร์ที่ล้ำค่าและเป็นเครื่องยืนยันถึงความก้าวหน้าทางความรู้ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

พจนานุกรมเล่มประวัติศาสตร์นี้มิใช่ผลงานของคนไทย แต่เป็นฝีมือของบาทหลวงปาเลอกัว (Père Palégueux) มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสผู้ทุ่มเทเวลาอันยาวนานกว่าหนึ่งทศวรรษในการรวบรวมและเรียบเรียงคำศัพท์ ความพากเพียรของท่านไม่ได้หยุดอยู่แค่การค้นคว้าคำศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์โครงสร้างภาษา และการสร้างความเข้าใจระหว่างภาษาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง ผลงานอันยิ่งใหญ่นี้มิใช่เพียงแค่การแปลความหมายคำศัพท์เท่านั้น หากแต่เป็นการสะท้อนความเข้าใจในบริบททางวัฒนธรรมและการใช้ภาษาของไทยในยุคนั้นด้วย

การถวายพจนานุกรม “สัพะ พะจะนะ พาสา ไท” แด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) และได้รับการอุปถัมภ์อย่างดีจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่พระมหากษัตริย์ทรงมีต่อการพัฒนาประเทศผ่านการศึกษาและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับนานาประเทศ การเลือกใช้ภาษาละติน อังกฤษ และฝรั่งเศส นอกจากจะสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับตะวันตกแล้ว ยังบ่งบอกถึงความพยายามในการเปิดรับความรู้ใหม่ๆ จากโลกภายนอก เพื่อนำมาพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ

“สัพะ พะจะนะ พาสา ไท” ไม่ใช่แค่พจนานุกรมธรรมดา แต่เป็นเสมือนหน้าต่างบานเล็กๆ ที่เปิดให้เราได้มองเห็นถึงกระบวนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอันทรงพลังระหว่างไทยและตะวันตกในอดีต มันเป็นหลักฐานอันทรงคุณค่าที่ยืนยันถึงความพยายามในการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ การแลกเปลี่ยน และการอนุรักษ์มรดกทางภาษาอันล้ำค่าของชาติ

ปัจจุบันแม้ต้นฉบับของ “สัพะ พะจะนะ พาสา ไท” อาจหาชมได้ยาก แต่ความสำคัญและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมันยังคงอยู่และควรค่าแก่การศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเครื่องเตือนใจให้เราเห็นถึงเส้นทางอันยาวนานของการพัฒนาภาษาและการศึกษาของไทย และเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้เรารู้จักเห็นคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและสืบทอดต่อไป