รอบแอดมิชชั่นของ TCAS ใช้คะแนนอะไรบ้าง

ไขรหัสคะแนน TCAS Admission: วัดดวงหรือวัดฝีมือ?

ระบบ TCAS แม้จะเปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้เลือกคณะและมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝัน แต่ความซับซ้อนของเกณฑ์การรับสมัครในรอบ Admission ก็ยังคงเป็นปริศนาสำหรับผู้เรียนหลายคน เพราะรอบนี้ไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัวเหมือนกับรอบอื่นๆ แต่ละมหาวิทยาลัยสามารถกำหนดน้ำหนักคะแนนได้เองตามความเหมาะสมของแต่ละสาขา ทำให้เกิดคำถามสำคัญที่ว่า การเข้ารอบ Admission วัดดวงหรือวัดฝีมือกันแน่?

คำตอบคือ ทั้งสองอย่างปนกัน! รอบ Admission เป็นการคัดเลือกที่เน้นความสามารถเฉพาะด้าน ซึ่งวัดผ่านคะแนนจากหลายแหล่ง หลักๆ คือ TGAT, TPAT, และ A-Level (สำหรับผู้ที่เรียนหลักสูตรนานาชาติ) แต่ความสำคัญของแต่ละส่วนนั้น ต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัยและแต่ละสาขาวิชา

ความแตกต่างนี้เองที่ทำให้การเตรียมตัวสำหรับรอบ Admission มีความท้าทายมากกว่ารอบอื่นๆ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะมหาวิทยาลัยหนึ่งอาจให้ความสำคัญกับคะแนน TGAT สูง แต่บางแห่งอาจเน้น TPAT หรือ A-Level เป็นหลัก แม้กระทั่งสาขาเดียวกันในมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน ก็สามารถมีเกณฑ์คะแนนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงได้ ยกตัวอย่างเช่น สาขาแพทย์ของมหาวิทยาลัย A อาจเน้นคะแนนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์จาก A-Level สูง แต่สาขาแพทย์ของมหาวิทยาลัย B อาจให้ความสำคัญกับคะแนน TGAT และ TPAT มากกว่า

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสำหรับรอบ Admission จึงไม่ใช่การท่องจำสูตรสำเร็จ แต่เป็นการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ผู้สมัครควรตรวจสอบเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยและแต่ละสาขาที่สนใจ อย่างระมัดระวัง ศึกษาว่ามหาวิทยาลัยนั้นให้คะแนนแต่ละส่วนในสัดส่วนเท่าใด มีเกณฑ์เพิ่มเติมอื่นใดหรือไม่ เช่น ผลงาน กิจกรรม หรือสัมภาษณ์ และวางแผนการเรียนและการเตรียมตัวให้สอดคล้องกับเกณฑ์ที่กำหนด

สรุปได้ว่า การเข้ารอบ Admission ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการวัดความรู้ ความสามารถ และความพยายาม ในการศึกษาข้อมูลและวางแผนการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ นั่นจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในรอบการคัดเลือกที่ท้าทายนี้ และเปลี่ยนคำถามจาก “วัดดวงหรือวัดฝีมือ” ให้เป็น “วัดความพยายามและความรอบรู้” แทน