อายุความละเมิด 10 ปี นับอย่างไร

2 การดู

การนับอายุความละเมิดสิบปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่เกิดความเสียหายจริง หากผู้เสียหายรู้ตัวผู้กระทำผิดและความผิดหลังจากนั้น อายุความอาจเหลือเพียงหนึ่งปี นับจากวันที่รู้ความจริง กรณีมีผู้กระทำผิดหลายคน ถือเป็นความรับผิดร่วมกัน โดยไม่คำนึงถึงความรู้ของผู้เสียหายเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อายุความละเมิด 10 ปี: นับอย่างไรให้ถูกต้อง

บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับการนับอายุความละเมิด 10 ปี ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่สำคัญที่ผู้เสียหายควรทำความเข้าใจ เนื่องจากการคำนวณที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้สิทธิในการเรียกร้องความเสียหายสูญหายไป

หลักการสำคัญในการนับอายุความละเมิด 10 ปี คือ การเริ่มต้นนับจากวันที่เกิดความเสียหายจริง ไม่ใช่จากวันที่ผู้เสียหายรู้ตัวว่าตนเองได้รับความเสียหาย หรือรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด ความเสียหายที่ว่านี้หมายถึง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ไม่ใช่ความเสียหายที่ยังไม่เกิดหรือยังเป็นเพียงความเสี่ยง เช่น กรณีการละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน อายุความจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นได้รับความเสียหาย ไม่ใช่ตั้งแต่วันที่เจ้าของทรัพย์สินรู้ว่าทรัพย์สินนั้นเสียหาย

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณถูกละเมิดลิขสิทธิ์ผลงานของคุณเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 แม้ว่าคุณจะรู้ตัวว่าถูกละเมิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 อายุความ 10 ปี ก็จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ไม่ใช่จากวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567

แต่มีข้อยกเว้นสำคัญ หากผู้เสียหายไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกกระทำผิด และไม่รู้ตัวว่าใครเป็นผู้กระทำผิด เมื่อผู้เสียหายรู้ความจริงเกี่ยวกับทั้งสองเรื่องนี้ อายุความจะเริ่มนับใหม่เหลือเพียง หนึ่งปี นับจากวันที่ผู้เสียหายรู้ความจริงเหล่านั้น นั่นหมายความว่า แม้ความเสียหายจะเกิดขึ้นนานหลายปีก่อน แต่หากผู้เสียหายเพิ่งรู้ตัวเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ยังสามารถฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายได้ภายในหนึ่งปี นับจากวันที่รู้ความจริง

ในกรณีที่มีผู้กระทำผิดหลายคน ถือเป็นความรับผิดร่วมกัน โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้เสียหายรู้ตัวผู้กระทำผิดแต่ละคนเมื่อใด อายุความ 10 ปี (หรือ 1 ปี ในกรณีรู้ความจริง) จะเริ่มนับจากวันที่เกิดความเสียหายจริง เช่นเดียวกับกรณีที่มีผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว

สรุป การนับอายุความละเมิด 10 ปี อาจดูซับซ้อน แต่หลักสำคัญคือการเน้นที่ “วันที่เกิดความเสียหายจริง” และ “วันที่รู้ความจริง” หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับกรณีของตนเอง การรู้กฎหมายและสิทธิของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางกฎหมาย กรุณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะกรณีของคุณ