แคลเซียมในร่างกาย ต่ำ ส่งผล อย่างไร

2 การดู

หากร่างกายขาดแคลเซียมระยะยาว อาจส่งผลเสียต่อกระดูก ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ความหนาแน่นของกระดูกลดลงตามวัย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ง่าย ดังนั้นการได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอจึงสำคัญต่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แคลเซียม: ฮีโร่เงียบที่ร่างกายขาดไม่ได้ – ผลกระทบเมื่อระดับต่ำกว่ามาตรฐาน

แคลเซียม มักถูกพูดถึงในแง่ของการเสริมสร้างกระดูกและฟัน แต่บทบาทของแร่ธาตุชนิดนี้ในร่างกายของเรานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คิด หากเปรียบแคลเซียมเป็นฮีโร่ ก็เป็นฮีโร่เงียบที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เมื่อใดที่ระดับแคลเซียมในร่างกายต่ำกว่ามาตรฐาน ผลกระทบที่ตามมานั้นอาจรุนแรงและซับซ้อนกว่าที่เราคาดคิด

แคลเซียมไม่ได้มีดีแค่กระดูก

แม้ว่ากระดูกและฟันจะเก็บกักแคลเซียมไว้ถึง 99% แต่แคลเซียมที่เหลือ 1% ที่กระจายอยู่ทั่วร่างกายนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของระบบต่างๆ ได้แก่:

  • การทำงานของกล้ามเนื้อ: แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อลายที่ใช้ในการเคลื่อนไหว หรือกล้ามเนื้อเรียบที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน การขาดแคลเซียมอาจนำไปสู่ตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือแม้กระทั่งอาการชัก
  • การส่งสัญญาณประสาท: แคลเซียมเป็นตัวนำสัญญาณที่สำคัญระหว่างเซลล์ประสาท ช่วยให้สมองสามารถสื่อสารกับส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การขาดแคลเซียมอาจส่งผลต่อความจำ สมาธิ และการทำงานของสมองโดยรวม
  • การแข็งตัวของเลือด: แคลเซียมเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยให้ร่างกายสามารถหยุดเลือดได้เมื่อเกิดบาดแผล การขาดแคลเซียมอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้ากว่าปกติ
  • การควบคุมความดันโลหิต: แคลเซียมมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ การขาดแคลเซียมอาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูง

เมื่อแคลเซียมต่ำ…ภัยเงียบที่ค่อยๆ คืบคลาน

การที่ร่างกายขาดแคลเซียมนั้นอาจไม่แสดงอาการในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการขาดแคลเซียมเพียงเล็กน้อย แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาการต่างๆ จะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน:

  • กระดูกและฟันเปราะบาง: ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น การขาดแคลเซียมระยะยาวจะส่งผลเสียต่อกระดูก ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณสะโพก ข้อมือ และกระดูกสันหลัง นอกจากนี้ยังอาจทำให้ฟันผุและอ่อนแอ
  • ตะคริวและกล้ามเนื้อกระตุก: อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อระดับแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถคลายตัวได้อย่างเหมาะสม
  • เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย: การขาดแคลเซียมอาจส่งผลต่อการผลิตพลังงานในร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย แม้จะพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม
  • ผิวแห้งและเล็บเปราะ: แคลเซียมมีส่วนช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังและเสริมสร้างความแข็งแรงของเล็บ การขาดแคลเซียมอาจทำให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และเล็บเปราะหักง่าย
  • ปัญหาทางระบบประสาท: ในกรณีที่รุนแรง การขาดแคลเซียมอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า สับสน วิตกกังวล หรือแม้กระทั่งอาการชัก

เติมแคลเซียมให้ร่างกาย…สร้างเกราะป้องกันภัย

การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กและวัยรุ่นที่กำลังเจริญเติบโต สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง

แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม:

  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม: นม โยเกิร์ต ชีส
  • ผักใบเขียว: คะน้า บรอกโคลี ผักโขม
  • ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งก้าง: ปลาซาร์ดีน ปลากะตัก
  • ถั่วและเมล็ดพืช: อัลมอนด์ งา
  • เต้าหู้

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียม:

  • รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ: ร่างกายต้องการวิตามินดีเพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียม แสงแดดเป็นแหล่งวิตามินดีตามธรรมชาติที่ดีที่สุด
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก: เครื่องดื่มเหล่านี้อาจขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูก

สิ่งสำคัญที่ต้องจำ: หากคุณสงสัยว่าร่างกายของคุณอาจขาดแคลเซียม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสม การเสริมแคลเซียมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากปริมาณที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้

การใส่ใจดูแลระดับแคลเซียมในร่างกายให้เหมาะสม จึงเป็นเหมือนการสร้างเกราะป้องกันภัยเงียบที่อาจคืบคลานเข้ามาทำร้ายสุขภาพของเรา การบริโภคอาหารที่หลากหลายและสมดุล ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอและแข็งแรงไปตลอดชีวิต