แบบการสัมภาษณ์ (Interview) มีกี่ประเภท
การสัมภาษณ์มีสองรูปแบบหลัก: แบบไม่เป็นทางการ เน้นการสนทนาเปิดกว้างเพื่อสำรวจความคิดเห็น โดยเตรียมเพียงประเด็นหลักและคำถามคร่าวๆ และแบบเป็นทางการ ซึ่งมีโครงสร้างและหลักเกณฑ์ชัดเจนกว่า เหมาะสำหรับการประเมินศักยภาพเชิงลึกและเก็บข้อมูลที่แม่นยำ
เจาะลึกโลกแห่งการสัมภาษณ์: หลากประเภท หลายจุดประสงค์ สู่ความสำเร็จที่แตกต่าง
การสัมภาษณ์ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินศักยภาพและคัดเลือกบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นการสมัครงาน การขอทุนการศึกษา หรือแม้แต่การวิจัยทางสังคมศาสตร์ แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าการสัมภาษณ์ที่เราเคยเผชิญหน้านั้น มีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างไร และแต่ละรูปแบบนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
แม้ว่าบทนำจะกล่าวถึงรูปแบบหลักๆ สองแบบคือแบบไม่เป็นทางการและแบบเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริงแล้วโลกของการสัมภาษณ์นั้นมีความซับซ้อนและหลากหลายกว่านั้นมาก การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ ของการสัมภาษณ์จะช่วยให้ทั้งผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม และบรรลุเป้าหมายของการสัมภาษณ์นั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แบ่งตามโครงสร้าง:
-
การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Interview): ดังที่กล่าวไปข้างต้น การสัมภาษณ์รูปแบบนี้เน้นการสนทนาที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น ผู้สัมภาษณ์มักจะเตรียมเพียงหัวข้อหลักๆ หรือประเด็นที่สนใจ และปล่อยให้การสนทนาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ข้อดีคือช่วยให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกผ่อนคลายและแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้อาจมีความหลากหลายและยากต่อการเปรียบเทียบระหว่างผู้สมัครแต่ละคน
-
การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interview): รูปแบบนี้ตรงกันข้ามกับการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง โดยผู้สัมภาษณ์จะเตรียมชุดคำถามที่เหมือนกันไว้ล่วงหน้า และถามคำถามเหล่านั้นตามลำดับที่กำหนดไว้ การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างช่วยให้การประเมินเป็นไปอย่างยุติธรรมและแม่นยำ เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากผู้สมัครแต่ละคนสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้อย่างง่ายดาย
-
การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Interview): เป็นการผสมผสานระหว่างการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง ผู้สัมภาษณ์จะเตรียมคำถามหลักๆ ไว้ แต่ก็เปิดโอกาสให้มีการถามคำถามเพิ่มเติมหรือเจาะลึกลงในประเด็นที่น่าสนใจ การสัมภาษณ์แบบนี้ช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและละเอียดอ่อนในขณะเดียวกัน
แบ่งตามวัตถุประสงค์:
-
การสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือก (Selection Interview): จุดประสงค์หลักคือการประเมินความเหมาะสมของผู้สมัครสำหรับตำแหน่งงานหรือโครงการที่เปิดรับ โดยพิจารณาจากทักษะ ประสบการณ์ และความสามารถต่างๆ
-
การสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Interview): รูปแบบนี้เน้นการถามคำถามที่เจาะจงถึงสถานการณ์ที่ผู้ถูกสัมภาษณ์เคยเผชิญ เพื่อประเมินว่าพวกเขาจะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตอย่างไร คำถามมักจะเริ่มต้นด้วยวลี “เล่าให้ฟังถึง…” หรือ “ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่คุณ…”
-
การสัมภาษณ์เชิงสถานการณ์ (Situational Interview): คล้ายกับการสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม แต่แทนที่จะถามถึงประสบการณ์ในอดีต ผู้สัมภาษณ์จะให้สถานการณ์จำลองแก่ผู้ถูกสัมภาษณ์ และถามว่าพวกเขาจะจัดการกับสถานการณ์นั้นอย่างไร
-
การสัมภาษณ์เพื่อประเมิน (Appraisal Interview): ใช้เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน โดยให้ข้อเสนอแนะและกำหนดเป้าหมายสำหรับการพัฒนาในอนาคต
-
การสัมภาษณ์เพื่อลาออก (Exit Interview): จัดขึ้นเมื่อพนักงานตัดสินใจลาออกจากบริษัท เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุผลในการลาออก และนำข้อมูลนั้นไปปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน
แบ่งตามจำนวนผู้เข้าร่วม:
-
การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว (One-on-one Interview): การสัมภาษณ์ระหว่างผู้สัมภาษณ์หนึ่งคนและผู้ถูกสัมภาษณ์หนึ่งคน
-
การสัมภาษณ์แบบคณะกรรมการ (Panel Interview): การสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการหลายคน ซึ่งแต่ละคนอาจมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน
-
การสัมภาษณ์แบบกลุ่ม (Group Interview): การสัมภาษณ์ผู้ถูกสัมภาษณ์หลายคนพร้อมกัน มักใช้เพื่อประเมินทักษะการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร
สรุป:
รูปแบบการสัมภาษณ์มีความหลากหลายและถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ ของการสัมภาษณ์จะช่วยให้เราสามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้สัมภาษณ์หรือผู้ถูกสัมภาษณ์ การเตรียมตัวที่ดีและการเข้าใจวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสำหรับทุกฝ่าย
#ประเภท การ#สัมภาษณ์ งาน#เตรียม ตัวข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต