โควต้าแพทย์ใช้คะแนนอะไรบ้าง

3 การดู

เพื่อเป็นแพทย์นั้นต้องสอบผ่านวิชาความถนัดแพทย์ รวมถึงวิชาสามัญทั้ง 7 วิชา หรือวิชาความถนัดแพทย์ร่วมกับ GAT PAT1 และ PAT2

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เส้นทางสู่เสื้อกาวน์: โควต้าแพทย์ ใช้คะแนนอะไรบ้าง?

การก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็น “หมอ” คือความใฝ่ฝันของคนจำนวนมาก แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ การแข่งขันสูงลิ่ว และเงื่อนไขการสอบเข้าที่หลากหลาย ทำให้ผู้ที่มุ่งมั่นต้องเตรียมตัวอย่างหนัก หนึ่งในช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้มีใจรักในวิชาชีพนี้ได้เข้าศึกษาต่อคือ “โควต้า” ซึ่งเป็นระบบที่เปิดรับนักเรียนที่มีคุณสมบัติเฉพาะตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่คำถามสำคัญคือ แล้วโควต้าแพทย์นั้น ใช้คะแนนอะไรบ้าง?

ความเข้าใจพื้นฐาน: ระบบ TCAS และเกณฑ์การคัดเลือก

ก่อนจะลงลึกถึงรายละเอียดของคะแนนที่ใช้ในระบบโควต้า เราจำเป็นต้องเข้าใจภาพรวมของระบบ TCAS (Thai University Central Admission System) ซึ่งเป็นระบบกลางในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย ระบบ TCAS แบ่งออกเป็นรอบต่างๆ และโควต้าเป็นหนึ่งในรอบที่เปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีคุณสมบัติตามที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดได้ยื่นสมัคร

เกณฑ์การคัดเลือกในรอบโควต้าแพทย์มีความแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัยและแต่ละโครงการ โดยทั่วไปแล้ว จะพิจารณาจากองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้:

  • คุณสมบัติเฉพาะ: แต่ละโควต้าจะมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป เช่น เป็นนักเรียนในพื้นที่, เป็นบุตรหลานของผู้ประกอบอาชีพทางการแพทย์, มีความสามารถพิเศษด้านกีฬาหรือศิลปะ, หรือเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย
  • คะแนนสอบ: นี่คือส่วนสำคัญที่สุดในการพิจารณา โดยมหาวิทยาลัยจะกำหนดคะแนนสอบที่ใช้ในการคัดเลือก ซึ่งอาจเป็นการผสมผสานระหว่างคะแนนต่างๆ ดังต่อไปนี้

ชนิดของคะแนนที่ใช้ในการคัดเลือก:

  • TPAT1 (วิชาเฉพาะ กสพท): วิชาความถนัดทางการแพทย์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “วิชาเฉพาะ” เป็นหัวใจสำคัญของการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ TPAT1 เน้นวัดศักยภาพในการคิดวิเคราะห์, การให้เหตุผลเชิงจริยธรรม, และความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์
  • วิชาสามัญ: คือกลุ่มวิชาที่วัดความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยทั่วไปแล้ว คณะแพทยศาสตร์จะกำหนดให้ใช้คะแนนวิชาสามัญทั้ง 7 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคมศึกษา, ฟิสิกส์, เคมี, และชีววิทยา
  • GAT (General Aptitude Test): เป็นการทดสอบความถนัดทั่วไป ซึ่งวัดศักยภาพในการอ่านเชิงวิเคราะห์, การเขียนเชิงวิเคราะห์, และการแก้ปัญหา
  • PAT (Professional Aptitude Test): เป็นการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ โดย PAT ที่เกี่ยวข้องกับคณะแพทยศาสตร์คือ PAT1 (ความถนัดทางคณิตศาสตร์) และ PAT2 (ความถนัดทางวิทยาศาสตร์)

การผสมผสานคะแนน: สูตรเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัย

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีสูตรการคำนวณคะแนนที่แตกต่างกันไป บางมหาวิทยาลัยอาจให้น้ำหนักกับ TPAT1 มากกว่าวิชาสามัญ ในขณะที่บางมหาวิทยาลัยอาจเน้นที่วิชาสามัญเป็นหลัก ดังนั้น ผู้ที่สนใจสมัครโควต้าแพทย์ควรศึกษาเกณฑ์การคัดเลือกของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างการผสมผสานคะแนน (สมมติ):

  • มหาวิทยาลัย A: TPAT1 (40%), วิชาสามัญ (60%) โดยวิชาสามัญจะให้น้ำหนักเท่ากันในแต่ละวิชา
  • มหาวิทยาลัย B: TPAT1 (50%), GAT (25%), PAT2 (25%)
  • มหาวิทยาลัย C: เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) (10%), TPAT1 (40%), วิชาสามัญ (50%)

เคล็ดลับสำหรับการเตรียมตัว:

  • ศึกษาเกณฑ์การคัดเลือกอย่างละเอียด: ทำความเข้าใจว่าแต่ละมหาวิทยาลัยใช้คะแนนอะไรบ้าง และให้น้ำหนักกับคะแนนใดมากที่สุด
  • วางแผนการอ่านหนังสือ: จัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับวิชาที่ต้องสอบ โดยเน้นที่วิชาที่มีน้ำหนักคะแนนสูง
  • ฝึกทำข้อสอบเก่า: การฝึกทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบและจับเวลาในการทำข้อสอบได้
  • เข้าร่วมโครงการติว: การเข้าร่วมโครงการติวที่มีคุณภาพจะช่วยเสริมความรู้และเทคนิคในการทำข้อสอบ
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม: ตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละโควต้า และเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อมก่อนวันสมัคร

สรุป:

การสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ในระบบโควต้าเป็นการแข่งขันที่สูง แต่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และการเตรียมตัวที่ดี ก็มีโอกาสที่จะคว้าความฝันมาครองได้ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจระบบ TCAS, ศึกษาเกณฑ์การคัดเลือกของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างละเอียด, วางแผนการอ่านหนังสืออย่างมีประสิทธิภาพ, และฝึกทำข้อสอบเก่าอย่างสม่ำเสมอ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเดินตามความฝันในการเป็น “หมอ” ได้ประสบความสำเร็จ!