โรงเรียนในญี่ปุ่นมีกี่เทอม

6 การดู

ระบบการศึกษาญี่ปุ่นแบ่งปีการศึกษาเป็น 3 เทอม คือ เทอมฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-กรกฎาคม), เทอมฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ธันวาคม) และเทอมฤดูหนาว (มกราคม-มีนาคม) โรงเรียนส่วนใหญ่จะมีวันหยุดตามปฏิทินการศึกษา แต่บางโรงเรียนอาจมีนโยบายเรื่องวันหยุดเพิ่มเติมที่แตกต่างกันบ้าง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ฤดูกาลแห่งการเรียนรู้: โรงเรียนญี่ปุ่นกับระบบ 3 เทอมที่แฝงด้วยความละเอียดอ่อน

ระบบการศึกษาญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นและความประณีต และแม้แต่การแบ่งเทอมการศึกษา ก็สะท้อนให้เห็นถึงความพิถีพิถันนั้น แตกต่างจากระบบการศึกษาหลายประเทศที่แบ่งปีการศึกษาออกเป็นเพียงสองเทอม ญี่ปุ่นเลือกใช้ระบบสามเทอม โดยแต่ละเทอมจะสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล เสมือนการเรียนรู้ที่เติบโตไปพร้อมกับธรรมชาติ

ปีการศึกษาในญี่ปุ่นจะเริ่มต้นในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่งดงาม เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่สดใส เต็มไปด้วยความหวังและการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เทอมฤดูใบไม้ผลิ (Shunbun-ki, 春分期) จะกินเวลาตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนกรกฎาคม เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนจะได้เรียนรู้พื้นฐานและวางรากฐานความรู้สำหรับปีการศึกษานั้นๆ อากาศที่อบอุ่นและสดใสก็ช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ผ่อนคลายและกระฉับกระเฉง

ต่อด้วย เทอมฤดูใบไม้ร่วง (Shūbun-ki, 秋分期) ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม เป็นช่วงเวลาที่ความรู้ความเข้าใจของนักเรียนเริ่มก่อตัว และการเรียนการสอนก็จะเข้าสู่เนื้อหาที่เข้มข้นมากขึ้น ในช่วงนี้ ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีส้ม สีแดง สวยงามตระการตา เป็นภาพที่สวยงามและช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ เป็นเสมือนการเรียนรู้ที่จะเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับธรรมชาติ

ปิดท้ายด้วย เทอมฤดูหนาว (Fuyu-ki, 冬期) ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม เป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย นักเรียนต้องทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมตัวสอบกลางภาคและสอบปลายภาค อากาศที่หนาวเย็นอาจเป็นอุปสรรค แต่ก็เป็นการทดสอบความอดทนและความมุ่งมั่น เป็นการเรียนรู้ที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จ เสมือนการรอคอยฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงอีกครั้ง

แม้ว่าโรงเรียนส่วนใหญ่จะใช้ปฏิทินการศึกษาเป็นมาตรฐาน แต่ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามนโยบายของแต่ละโรงเรียน เช่น วันหยุดพิเศษ หรือการจัดตารางเรียนที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ระบบสามเทอมนี้ ได้ถูกออกแบบมาอย่างประณีต เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะของธรรมชาติและการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการศึกษาที่ละเอียดอ่อนและรอบคอบของประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ได้มองเพียงแค่การถ่ายทอดความรู้ แต่ยังคำนึงถึงการเติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ อีกด้วย