Gift กับ ZIFT ต่างกันอย่างไร

GIFT และ ZIFT: สองเทคนิคช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใกล้เคียงแต่แตกต่าง

สำหรับคู่รักที่กำลังเผชิญกับปัญหาการมีบุตร เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology: ART) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มความฝันที่จะมีลูก หนึ่งในเทคนิคที่อาจสร้างความสับสนให้กับหลายๆ คน คือ GIFT (Gamete Intrafallopian Transfer) และ ZIFT (Zygote Intrafallopian Transfer) ซึ่งแม้ว่าทั้งสองวิธีจะดูคล้ายคลึงกันมาก แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในรายละเอียดของกระบวนการ

GIFT (การถ่ายโอนเซลล์สืบพันธุ์เข้าสู่ท่อนำไข่) เป็นวิธีการที่แพทย์จะนำไข่ที่เก็บมาจากรังไข่ของผู้หญิง มาผสมกับอสุจิของฝ่ายชายในห้องปฏิบัติการ โดยการผสมนี้จะเกิดขึ้นในจานเพาะเชื้อ จากนั้นส่วนผสมของไข่และอสุจิจะถูกฉีดเข้าไปในท่อนำไข่ของผู้หญิงทันที โดยหวังว่าการปฏิสนธิจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติภายในท่อนำไข่

ในทางกลับกัน ZIFT (การถ่ายโอนตัวอ่อนเข้าสู่ท่อนำไข่) ก็เริ่มต้นด้วยกระบวนการที่คล้ายคลึงกัน คือการนำไข่และอสุจิมาผสมกันในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม ZIFT จะมีขั้นตอนเพิ่มเติมที่สำคัญ คือ การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน (ไซโกต) ภายนอกร่างกาย หลังจากที่ไข่และอสุจิปฏิสนธิกันแล้ว ตัวอ่อนจะถูกเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเป็นเวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง จนกระทั่งพัฒนาไปถึงระยะไซโกต จากนั้นตัวอ่อนจึงจะถูกนำไปใส่ในท่อนำไข่ของผู้หญิง

ดังนั้น ความแตกต่างหลักระหว่าง GIFT และ ZIFT คือ ช่วงเวลาและสถานที่ของการปฏิสนธิ GIFT ให้ไข่และอสุจิมีโอกาสปฏิสนธิกันเองภายในท่อนำไข่ ในขณะที่ ZIFT การปฏิสนธิเกิดขึ้นภายนอกร่างกายในห้องปฏิบัติการ และมีการยืนยันการปฏิสนธิแล้วก่อนที่จะใส่ตัวอ่อนเข้าไปในท่อนำไข่

ปัจจุบัน ZIFT นิยมใช้กันน้อยกว่า GIFT เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการเลี้ยงตัวอ่อนภายนอกร่างกาย และความแม่นยำในการย้ายตัวอ่อน ทำให้เทคนิค IVF (In Vitro Fertilization) หรือการปฏิสนธินอกร่างกาย ซึ่งตัวอ่อนจะถูกเพาะเลี้ยงจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ (ประมาณ 5-6 วัน) ก่อนที่จะนำไปฝังตัวในมดลูก กลายเป็นทางเลือกหลักที่ให้ผลสำเร็จสูงกว่า และมีความสะดวกสบายมากกว่าสำหรับผู้ป่วย

การเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ควรปรึกษาและตัดสินใจร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อประเมินสภาพร่างกาย สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการตั้งครรภ์