IS บทที่ 1 มีอะไรบ้าง

3 การดู

บทที่ 1: บทนำ

ส่วนนี้แนะนำการวิจัยที่กำลังจะดำเนินการ รวมถึง:

  • ความเป็นมาและความสำคัญของหัวข้อการวิจัย
  • วัตถุประสงค์การวิจัยและคำถามที่ต้องการตอบ
  • สมมติฐานหรือข้อสันนิษฐานที่ตั้งขึ้น
  • คุณค่าและผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ของการวิจัย
  • ขอบเขตและข้อจำกัดของการศึกษา
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

IS บทที่ 1: การวางรากฐานแห่งการค้นพบ – บทนำสู่การวิจัย

บทที่ 1 ของงานวิจัยทางด้านสารสนเทศศาสตร์ (IS – Information Systems) หรือแม้กระทั่งงานวิจัยในสาขาอื่นๆ เปรียบเสมือนรากฐานที่แข็งแกร่ง เป็นการปูทางให้ผู้อ่านเข้าใจถึงแก่นแท้ของการศึกษาที่จะดำเนินการต่อไป บทนำที่ดีจะไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราว แต่ยังต้องดึงดูดความสนใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้อ่านว่าการวิจัยนี้มีความสำคัญและคุ้มค่าแก่การติดตาม

โดยทั่วไปแล้ว บทที่ 1: บทนำ จะประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญดังต่อไปนี้:

1. ความเป็นมาและความสำคัญของหัวข้อการวิจัย: ส่วนนี้ไม่ใช่การเล่าเรื่องราวทั่วไป แต่เป็นการนำเสนอบริบทที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัยอย่างมีระบบ โดยเริ่มจากภาพรวมของปัญหาหรือโอกาสที่นำมาสู่การศึกษา ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญและความเร่งด่วนของปัญหา โดยอาจอ้างอิงสถิติ ข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนความสำคัญของหัวข้อ ยิ่งไปกว่านั้น ควรแสดงให้เห็นถึงช่องว่างความรู้ (knowledge gap) ที่งานวิจัยนี้จะเข้ามาเติมเต็ม

ตัวอย่าง: แทนที่จะกล่าวเพียงว่า “การใช้โซเชียลมีเดียมีผลกระทบต่อสังคม” ควรวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น “การแพร่ระบาดของข่าวปลอมบนเฟซบุ๊กในประเทศไทยส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างร้ายแรง โดยสถิติจาก…แสดงให้เห็นว่า… งานวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาถึง…”

2. วัตถุประสงค์การวิจัยและคำถามที่ต้องการตอบ: นี่คือหัวใจสำคัญของบทที่ 1 ควรระบุวัตถุประสงค์การวิจัยอย่างชัดเจน แม่นยำ และวัดผลได้ โดยใช้คำกริยาที่แสดงถึงการกระทำที่เป็นรูปธรรม เช่น “เพื่อศึกษา” “เพื่อวิเคราะห์” “เพื่อเปรียบเทียบ” และควรมีคำถามวิจัยที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับวัตถุประสงค์ คำถามวิจัยควรเป็นคำถามที่สามารถหาคำตอบได้จากการวิจัย

ตัวอย่าง: วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่ระบาดของข่าวปลอมบนเฟซบุ๊กในประเทศไทย คำถามวิจัย: ปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อการแพร่กระจายของข่าวปลอมบนเฟซบุ๊ก? กลไกการแพร่กระจายของข่าวปลอมบนเฟซบุ๊กเป็นอย่างไร?

3. สมมติฐานหรือข้อสันนิษฐานที่ตั้งขึ้น: หากงานวิจัยมีสมมติฐาน ควรระบุสมมติฐานเหล่านั้นอย่างชัดเจน พร้อมทั้งให้เหตุผลสนับสนุนสมมติฐาน สมมติฐานที่ดีควรเป็นสมมติฐานที่สามารถทดสอบได้ และเชื่อมโยงกับคำถามวิจัย

4. คุณค่าและผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ของการวิจัย: ควรอธิบายว่าการวิจัยนี้จะมีประโยชน์อย่างไร ต่อสาขาความรู้ ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือต่อสังคมโดยรวม การระบุผลกระทบที่คาดหวังจะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและความสำคัญของการวิจัย

5. ขอบเขตและข้อจำกัดของการศึกษา: ควรระบุขอบเขตของการวิจัยอย่างชัดเจน เช่น กลุ่มตัวอย่าง พื้นที่ศึกษา ระยะเวลาศึกษา และข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความถูกต้องแม่นยำของผลการวิจัย การระบุข้อจำกัดอย่างตรงไปตรงมาแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบและความเป็นมืออาชีพของนักวิจัย

โดยสรุป บทที่ 1: บทนำ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของการวิจัย การเขียนบทนำที่ดีจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดความสนใจให้ผู้อ่านติดตามการวิจัยต่อไป ดังนั้น การวางแผนและการเขียนบทนำอย่างรอบคอบจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของงานวิจัยโดยรวม