TGAT คํานวณคะแนนยังไง
TGAT มี 3 พาร์ท ทำพาร์ทไหนก่อนก็ได้ใน 3 ชั่วโมง ข้อสอบเต็ม 300 คะแนน แต่คะแนนที่นำไปใช้จริงคือคะแนนรวมสุทธิ 100 คะแนน โดยการนำคะแนนเต็ม 300 หารด้วย 3 เพื่อปรับเป็นสัดส่วนคะแนนที่ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย
ไขข้อข้องใจ! TGAT คำนวณคะแนนอย่างไร? เคลียร์ทุกประเด็น เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง!
TGAT หรือ Thai General Aptitude Test คือการทดสอบสมรรถนะทั่วไปที่สำคัญสำหรับการยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หลายคนอาจจะยังสับสนกับการคำนวณคะแนน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยนี้ให้กระจ่าง เข้าใจง่าย นำไปใช้ได้จริง!
TGAT คืออะไร? ทำไมต้องสอบ?
TGAT เป็นการสอบที่วัดศักยภาพและความพร้อมของผู้เข้าสอบใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
- TGAT1: การสื่อสารภาษาอังกฤษ (English Communication): วัดทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและการเรียน
- TGAT2: การคิดอย่างมีเหตุผล (Critical & Logical Thinking): วัดความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน และแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
- TGAT3: สมรรถนะการทำงาน (Future Workforce Competencies): วัดศักยภาพในการเรียนรู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ
การสอบ TGAT มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่มหาวิทยาลัยใช้พิจารณาคัดเลือกผู้เข้าศึกษาต่อ ดังนั้น การทำความเข้าใจวิธีการคำนวณคะแนนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เจาะลึกวิธีการคำนวณคะแนน TGAT:
สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับคะแนน TGAT มีดังนี้:
- สอบ 3 พาร์ท ทำพาร์ทไหนก่อนก็ได้: ในห้องสอบ คุณมีอิสระในการเลือกทำพาร์ทไหนก่อนหลังภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง
- คะแนนเต็ม 300 คะแนน: ข้อสอบ TGAT ทั้ง 3 พาร์ท รวมกันมีคะแนนเต็ม 300 คะแนน (พาร์ทละ 100 คะแนน)
- คะแนนที่ใช้จริงคือ 100 คะแนน: แม้ว่าข้อสอบจะมีคะแนนเต็ม 300 คะแนน แต่คะแนนที่นำไปใช้ในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยนั้นคือคะแนนรวมที่ปรับเป็นสัดส่วน 100 คะแนน
- วิธีการปรับคะแนน: คะแนนเต็ม 300 จะถูกหารด้วย 3 เพื่อแปลงเป็นสัดส่วนคะแนนที่ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย
สูตรการคำนวณอย่างง่าย:
คะแนน TGAT ที่ใช้ยื่น = (คะแนนรวมที่ได้จาก 3 พาร์ท) / 3
ตัวอย่าง:
สมมติว่าคุณสอบ TGAT ได้คะแนนดังนี้:
- TGAT1: 75 คะแนน
- TGAT2: 80 คะแนน
- TGAT3: 70 คะแนน
คะแนนรวมทั้งหมดของคุณคือ 75 + 80 + 70 = 225 คะแนน
ดังนั้น คะแนน TGAT ที่คุณจะใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยคือ 225 / 3 = 75 คะแนน
ข้อควรระวัง:
- น้ำหนักคะแนนแต่ละพาร์ท: มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจกำหนดน้ำหนักคะแนนของแต่ละพาร์ทไม่เท่ากัน เช่น บางคณะอาจเน้น TGAT2 มากกว่า TGAT1 ดังนั้น ศึกษาเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละคณะให้ละเอียด
- คะแนนขั้นต่ำ: บางมหาวิทยาลัยอาจกำหนดคะแนนขั้นต่ำของ TGAT ที่ผู้สมัครต้องสอบให้ได้ ดังนั้น ตรวจสอบคุณสมบัติและเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างรอบคอบ
สรุป:
การคำนวณคะแนน TGAT ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่าคะแนนเต็ม 300 คะแนน จะถูกปรับเป็นสัดส่วน 100 คะแนน เพื่อนำไปใช้ในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัย อย่าลืมศึกษาเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละคณะและมหาวิทยาลัยให้ละเอียด เพื่อวางแผนการเตรียมตัวสอบให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในคณะและมหาวิทยาลัยที่คุณใฝ่ฝัน!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการคำนวณคะแนน TGAT ให้กับคุณได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลย! ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสอบ TGAT นะคะ!
#Tgat#การคำนวณ#คะแนนข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต