รายได้กี่บาทเสียภาษี 2567
สำหรับปี 2567 ผู้มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ยังคงต้องยื่นภาษี แต่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี หากมีรายได้สุทธิเกิน 150,000 บาท ต้องยื่นภาษีและเสียภาษีตามอัตราที่กำหนดในกฎหมาย โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดอัตราภาษีและวิธีการคำนวณได้จากประกาศกรมสรรพากรล่าสุด
ไขข้อข้องใจ: รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษีในปี 2567 ฉบับเข้าใจง่าย
การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคนที่มีรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เรามักเกิดความสงสัยว่า “รายได้เท่าไหร่ถึงจะต้องเสียภาษี?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2567 ที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจทำให้หลายคนสับสน บทความนี้จึงจะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่าง พร้อมอธิบายรายละเอียดที่สำคัญเพื่อให้คุณเข้าใจและเตรียมตัวยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง
เกณฑ์รายได้ที่ต้องยื่นภาษี และเกณฑ์ที่ต้อง “เสีย” ภาษี ต่างกันอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจก่อนคือ “การยื่นภาษี” และ “การเสียภาษี” นั้นมีความแตกต่างกัน โดย:
- การยื่นภาษี: หมายถึง การแจ้งรายได้ทั้งหมดที่เราได้รับในรอบปีภาษีนั้นๆ ให้กับกรมสรรพากรได้รับทราบ ไม่ว่ารายได้นั้นจะถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือไม่ก็ตาม
- การเสียภาษี: หมายถึง การจ่ายเงินให้กับรัฐตามอัตราที่กำหนดไว้ในกฎหมายภาษี หลังจากคำนวณแล้วว่ารายได้สุทธิของเราเกินเกณฑ์ที่ได้รับการยกเว้น
แล้วรายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษีในปี 2567?
สำหรับปี 2567 เกณฑ์รายได้ที่ต้องยื่นภาษีนั้นขึ้นอยู่กับสถานะและประเภทของเงินได้ ดังนี้
- ผู้มีเงินได้จากการทำงาน (เงินเดือน, ค่าจ้าง):
- โสด: หากมีเงินได้เกิน 120,000 บาทต่อปี ต้องยื่นภาษี
- มีคู่สมรส: หากมีเงินได้เกิน 220,000 บาทต่อปี ต้องยื่นภาษี
- ผู้มีเงินได้อื่นๆ (ดอกเบี้ย, ค่าเช่า, ธุรกิจส่วนตัว):
- โสด: หากมีเงินได้เกิน 60,000 บาทต่อปี ต้องยื่นภาษี
- มีคู่สมรส: หากมีเงินได้เกิน 120,000 บาทต่อปี ต้องยื่นภาษี
รายได้เท่าไหร่ถึงจะได้รับการยกเว้นไม่ต้อง “เสีย” ภาษี?
ข่าวดีคือ สำหรับปี 2567 ผู้ที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี นั่นหมายความว่า ถึงแม้คุณจะต้องยื่นภาษี (เพราะรายได้เกินเกณฑ์ที่ต้องยื่น) แต่ถ้าหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว เงินได้สุทธิของคุณยังไม่เกิน 150,000 บาท คุณก็จะไม่ต้องเสียภาษี
หากรายได้เกิน 150,000 บาท จะต้องเสียภาษีเท่าไหร่?
หากรายได้สุทธิของคุณเกิน 150,000 บาท คุณจะต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนดในกฎหมาย ซึ่งเป็นอัตราก้าวหน้า (Progressive Tax Rate) นั่นคือยิ่งรายได้สูง อัตราภาษีก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย โดยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2567 มีดังนี้:
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี (%) |
---|---|
0 – 150,000 | ยกเว้น |
150,001 – 300,000 | 5 |
300,001 – 500,000 | 10 |
500,001 – 750,000 | 15 |
750,001 – 1,000,000 | 20 |
1,000,001 – 2,000,000 | 25 |
2,000,001 – 5,000,000 | 30 |
5,000,001 ขึ้นไป | 35 |
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- คำนวณรายได้สุทธิ: การคำนวณรายได้สุทธิเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินว่าคุณจะต้องเสียภาษีหรือไม่ โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ ได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว, ค่าลดหย่อนบุตร, ค่าลดหย่อนประกันชีวิต, ค่าลดหย่อนกองทุนต่างๆ เป็นต้น
- ศึกษาข้อมูลจากกรมสรรพากร: ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นควรติดตามข่าวสารและประกาศจากกรมสรรพากรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจกฎหมายและเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณไม่แน่ใจในเรื่องการคำนวณภาษีหรือการใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้ได้รับการแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ
การเสียภาษีเป็นหน้าที่ที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ การทำความเข้าใจกฎหมายและเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับภาษี จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนและจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
#2567#ภาษีเงินได้#รายได้ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต