เงินเดือนขึ้นปีละกี่เปอร์เซ็นต์ 2567

เงินเดือนขึ้นปี 2567: 5.5% เป็นเพียงตัวเลขเฉลี่ย ความจริงซับซ้อนกว่านั้น

ปี 2567 ท่ามกลางกระแสเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง การปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงานจึงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบริษัทขนาดกลางและใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5%

ตัวเลข 5.5% นี้ อาจดูเป็นตัวเลขที่ชัดเจน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพของการปรับขึ้นเงินเดือนในปี 2567 นั้นซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะอัตราการปรับขึ้นดังกล่าวเป็นเพียงค่าเฉลี่ย และมีความแตกต่างอย่างมากมายระหว่างกลุ่มอาชีพ ตำแหน่งงาน และแม้กระทั่งบริษัทต่างๆ

ปัจจัยที่กำหนดอัตราการปรับขึ้นเงินเดือน:

• ตำแหน่งงานและทักษะ: ตำแหน่งงานที่มีความเชี่ยวชาญสูง มีความต้องการในตลาดแรงงานสูง และมีผลผลิตที่สำคัญต่อธุรกิจ จะมีโอกาสได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนมากกว่าค่าเฉลี่ย อาจสูงถึง 7-10% หรือมากกว่านั้น ขณะที่ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหรือตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงานหลักของบริษัท อาจได้รับการปรับขึ้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ย หรือบางกรณีอาจไม่มีการปรับขึ้นเลย

• ประสิทธิภาพการทำงาน: ประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละบุคคลเป็นอีกปัจจัยสำคัญ พนักงานที่มีผลงานโดดเด่น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสร้างคุณค่าให้กับองค์กร ย่อมมีโอกาสได้รับการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนมากกว่าพนักงานที่มีผลงานอยู่ในเกณฑ์ปานกลางหรือต่ำกว่ามาตรฐาน

• ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ: แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อการปรับขึ้นเงินเดือน แต่เงินเฟ้อก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จำกัดความสามารถของบริษัทในการปรับขึ้นเงินเดือนอย่างมาก ถ้าหากเงินเฟ้อสูงเกินกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ บริษัทอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและการปรับขึ้นเงินเดือนให้เพียงพอต่อค่าครองชีพของพนักงาน

• นโยบายของแต่ละบริษัท: นโยบายและกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน บางบริษัทอาจเน้นการปรับขึ้นเงินเดือนเป็นประจำทุกปี ขณะที่บางบริษัทอาจพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนเป็นกรณีๆ ไป ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

สรุป:

การคาดการณ์อัตราการปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ย 5.5% ในปี 2567 สำหรับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เป็นเพียงภาพรวม ในความเป็นจริง อัตราการปรับขึ้นเงินเดือนของแต่ละบุคคลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่กล่าวมาข้างต้น การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถวางแผนและจัดการกับเรื่องเงินเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสำคัญที่สุดคือ การสื่อสารที่เปิดเผยและโปร่งใสระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง จะช่วยสร้างความเข้าใจและความพึงพอใจร่วมกันได้เป็นอย่างดี