เมื่อสินทรัยพ์เพิ่มและหนี้สินเพิ่มลงบัญชีด้านใดบ้าง

13 การดู

เมื่อสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และหนี้สินลดลง บัญชีจะบันทึกในด้านเดบิต (Debit) ด้านซ้ายของบัญชีแยกประเภท เช่น บันทึกการเพิ่มขึ้นของเงินสด หรือการลดลงของเจ้าหนี้

ตัวอย่าง: บริษัทซื้อเครื่องจักรใหม่ มูลค่า 10,000 บาท บันทึกในบัญชีสินทรัพย์ (เครื่องจักร) ด้านเดบิต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์และการลดลงของหนี้สินต่อบัญชีแยกประเภท: มิติที่มองข้ามไม่ได้

การทำความเข้าใจหลักการบัญชีอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการบริหารจัดการทางการเงินที่ถูกต้องแม่นยำ หนึ่งในหลักการพื้นฐานที่มักถูกกล่าวถึงคือสมการพื้นฐานของบัญชี กล่าวคือ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ สมการนี้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกระหว่างสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในด้านใดด้านหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมการนี้เสมอ และส่งผลต่อการบันทึกในบัญชีแยกประเภทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บทความนี้จะเจาะลึกถึงสถานการณ์เฉพาะอย่างหนึ่งที่มักสร้างความสับสนให้กับผู้เริ่มต้นเรียนรู้หลักการบัญชี นั่นคือ เมื่อสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และหนี้สินลดลง จะส่งผลต่อบัญชีแยกประเภทอย่างไร และมีมิติใดบ้างที่เราควรพิจารณาให้รอบด้าน

มากกว่าเพียงแค่เดบิต:

แม้ว่าคำตอบโดยทั่วไปจะระบุว่า เมื่อสินทรัพย์เพิ่มขึ้น จะบันทึกในด้านเดบิต (Debit) และเมื่อหนี้สินลดลง ก็จะบันทึกในด้านเดบิตเช่นกัน แต่การอธิบายเช่นนี้ยังไม่ครบถ้วน ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่านั้นต้องการการวิเคราะห์ที่มาของการเปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างสถานการณ์ที่เป็นไปได้:

ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้:

  1. ชำระหนี้เจ้าหนี้ด้วยเงินสด: บริษัทมีเจ้าหนี้ 50,000 บาท บริษัทชำระหนี้ด้วยเงินสด ผลที่ตามมาคือ สินทรัพย์ (เงินสด) ลดลง 50,000 บาท และหนี้สิน (เจ้าหนี้) ลดลง 50,000 บาท ในกรณีนี้ การลดลงของหนี้สินจะถูกบันทึกเป็น เครดิต (Credit) ในบัญชีเจ้าหนี้ และการลดลงของสินทรัพย์ (เงินสด) จะถูกบันทึกเป็น เดบิต (Debit) ในบัญชีเงินสด สมการบัญชีจะยังคงสมดุล

  2. ขายสินค้าคงเหลือรับเงินสด: บริษัทขายสินค้าคงเหลือมูลค่า 20,000 บาท และได้รับเงินสดเป็นค่าสินค้า ผลที่ตามมาคือ สินทรัพย์ (เงินสด) เพิ่มขึ้น 20,000 บาท และสินทรัพย์ (สินค้าคงเหลือ) ลดลง 20,000 บาท ในกรณีนี้ การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ (เงินสด) จะถูกบันทึกเป็น เดบิต (Debit) และการลดลงของสินทรัพย์ (สินค้าคงเหลือ) จะถูกบันทึกเป็น เครดิต (Credit) สมการบัญชีจะยังคงสมดุล

  3. ชำระหนี้ด้วยการโอนกรรมสิทธิ์สินทรัพย์: บริษัทชำระหนี้ 30,000 บาท โดยโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้กับเจ้าหนี้ ผลที่ตามมาคือ สินทรัพย์ (รถยนต์) ลดลง 30,000 บาท และหนี้สิน (เจ้าหนี้) ลดลง 30,000 บาท ในกรณีนี้ การลดลงของหนี้สินจะถูกบันทึกเป็น เครดิต (Credit) และการลดลงของสินทรัพย์ (รถยนต์) จะถูกบันทึกเป็น เครดิต (Credit) ในบัญชีรถยนต์

สรุป:

การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์และการลดลงของหนี้สิน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะสรุปได้ด้วยเพียงแค่ “เดบิต” แต่เราต้องพิจารณาที่มาของการเปลี่ยนแปลง และประเภทของบัญชีที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงธุรกรรมแต่ละรายการจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบันทึกบัญชีให้ถูกต้อง และเพื่อให้สมการบัญชี (สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ) คงสมดุลอยู่เสมอ ความเข้าใจในรายละเอียดเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การบริหารจัดการทางการเงินที่ดีและมีประสิทธิภาพ