กินยาแก้อักเสบเยอะเป็นอะไรไหม

0 การดู

การใช้ยาแก้อักเสบเป็นเวลานานหรือในปริมาณมากเกินไป อาจทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เลือดออกภายใน หลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดสมอง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กินยาแก้อักเสบเยอะ เป็นอะไรไหม? คำถามสั้นๆ ที่ซ่อนความเสี่ยงอันตรายไว้มากมาย หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ายาแก้อักเสบเป็นยาสามัญประจำบ้านที่หาซื้อได้ง่าย จึงมักซื้อติดบ้านไว้และใช้เองเมื่อมีอาการปวดเมื่อย หรือคิดว่าตัวเองมีอาการอักเสบ แต่รู้หรือไม่ว่าการกินยาแก้อักเสบพร่ำเพรื่อ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ หรือใช้ในปริมาณมากเกินไป หรือเป็นระยะเวลานานเกินความจำเป็น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงได้

ยาแก้อักเสบที่หาซื้อได้ทั่วไป ส่วนใหญ่มักเป็นยาในกลุ่ม NSAIDs (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs) ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเจ็บปวด แต่ในขณะเดียวกัน ยากลุ่มนี้ก็ยับยั้งการสร้างสารที่ช่วยปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การกินยาแก้อักเสบติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือในปริมาณที่มากเกินไป จึงอาจทำให้เกิดการระคายเคือง กัดกร่อน และเป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ อาการที่พบได้บ่อย คือ ปวดท้อง แสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ อาเจียน ในบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร

นอกจากผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารแล้ว การใช้ยาแก้อักเสบในระยะยาว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น

  • โรคไต: ยาแก้อักเสบมีผลต่อการทำงานของไต ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคไตอยู่เดิม
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด: การใช้ยาแก้อักเสบ NSAIDs บางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
  • ปฏิกิริยากับยาอื่น: ยาแก้อักเสบอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ที่รับประทานอยู่ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาเบาหวาน ยาความดัน ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเกี่ยวกับยาที่รับประทานอยู่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

ดังนั้น ก่อนใช้ยาแก้อักเสบทุกครั้ง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เพื่อรับคำแนะนำในการใช้ยาที่ถูกต้อง รวมถึงประเมินความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น อย่าซื้อยามากินเอง เพราะยาแก้อักเสบไม่ใช่ยาวิเศษ และการใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพที่ร้ายแรงได้ “การป้องกัน ดีกว่าการรักษา” ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและลดความจำเป็นในการใช้ยา