คิดคะแนน TPAT3 ยังไง

0 การดู

มาทำความเข้าใจการคิดคะแนน TPAT3 แบบง่ายๆ กัน! เริ่มจากนำคะแนนดิบที่คุณได้ คูณด้วยค่าน้ำหนักของ TPAT3 ที่แต่ละคณะกำหนด แล้วหารด้วย 100 จากนั้นรวมกับคะแนนส่วนอื่นๆ ตามสัดส่วน เพียงเท่านี้ก็จะได้คะแนนรวมที่ใช้ยื่นสมัครแล้ว อย่าลืมตรวจสอบค่าน้ำหนักของแต่ละคณะให้ดีนะ!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขข้อข้องใจ! วิธีคิดคะแนน TPAT3 ฉบับเข้าใจง่าย ใครๆ ก็ทำได้!

TPAT3 หรือ ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ ถือเป็นด่านสำคัญสำหรับน้องๆ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิก นักออกแบบ หรือทำงานในสายงานที่เกี่ยวข้อง การทำความเข้าใจวิธีการคิดคะแนน TPAT3 จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้น้องๆ วางแผนการเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรู้ว่าควรเน้นย้ำในส่วนใดเป็นพิเศษ

ถึงแม้ว่าหลักการคำนวณคะแนน TPAT3 จะดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิด! บทความนี้จะพาไปเจาะลึกวิธีการคิดคะแนน TPAT3 แบบ Step-by-Step พร้อมเคล็ดลับที่น้องๆ อาจไม่เคยรู้!

หลักการพื้นฐาน: คะแนนดิบสู่คะแนนที่ใช้ยื่นจริง

หัวใจหลักของการคิดคะแนน TPAT3 คือการแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) ที่ได้จากการสอบ ให้เป็นคะแนนที่ใช้ในการยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละคณะและมหาวิทยาลัยจะมีเกณฑ์การคิดคะแนนที่แตกต่างกันออกไป โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา ดังนี้

  1. คะแนนดิบ: คือคะแนนที่น้องๆ ได้จากการสอบ TPAT3 จริงๆ ไม่มีการปรับแก้ใดๆ ทั้งสิ้น
  2. ค่าน้ำหนัก (Weight): เป็นสัดส่วนที่แต่ละคณะกำหนดให้กับคะแนน TPAT3 ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคณะและมหาวิทยาลัย บางคณะอาจให้น้ำหนักกับ TPAT3 มากเป็นพิเศษ ในขณะที่บางคณะอาจให้น้ำหนักน้อยกว่า
  3. สัดส่วนคะแนน: นอกเหนือจาก TPAT3 แล้ว หลายคณะยังพิจารณาคะแนนส่วนอื่นๆ เช่น GPAX, O-NET หรือ TPAT อื่นๆ ด้วย ดังนั้นการทราบสัดส่วนคะแนนของแต่ละส่วนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ขั้นตอนการคำนวณคะแนน TPAT3 แบบละเอียด

  1. ตรวจสอบค่าน้ำหนักของคณะที่สนใจ: ขั้นตอนแรกคือการเข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ของคณะและมหาวิทยาลัยที่น้องๆ สนใจ เพื่อดูว่าคณะนั้นๆ ให้น้ำหนักคะแนน TPAT3 เท่าไหร่ (มักจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 30%, 50% เป็นต้น)
  2. คำนวณคะแนน TPAT3 ที่ปรับตามค่าน้ำหนัก: นำคะแนนดิบที่น้องๆ ได้จากการสอบ TPAT3 คูณด้วยค่าน้ำหนักที่คณะกำหนด แล้วหารด้วย 100
    • สูตร: (คะแนนดิบ TPAT3 x ค่าน้ำหนัก TPAT3) / 100
    • ตัวอย่าง: ถ้าน้องได้คะแนน TPAT3 150 คะแนน และคณะที่น้องสนใจให้น้ำหนัก TPAT3 40% คะแนนที่ปรับตามค่าน้ำหนักแล้วจะเป็น (150 x 40) / 100 = 60 คะแนน
  3. คำนวณคะแนนรวม: นำคะแนน TPAT3 ที่ปรับตามค่าน้ำหนักแล้ว รวมกับคะแนนส่วนอื่นๆ ที่คณะกำหนด โดยคำนึงถึงสัดส่วนคะแนนของแต่ละส่วน
    • ตัวอย่าง: สมมติว่าคณะที่น้องสนใจกำหนดสัดส่วนคะแนนดังนี้ TPAT3 (40%), GPAX (30%), O-NET (30%) และน้องได้คะแนน GPAX 3.5 (แปลงเป็นคะแนนตามเกณฑ์ของคณะ) และ O-NET 60 คะแนน คะแนนรวมของน้องจะเป็น (60) + (GPAX ที่แปลงเป็นคะแนนแล้ว x 0.3) + (60 x 0.3)
  4. ตรวจสอบเกณฑ์ขั้นต่ำ: ตรวจสอบว่าคะแนนรวมที่คำนวณได้ ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่คณะกำหนดหรือไม่

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

  • ใช้โปรแกรมคำนวณคะแนน: ปัจจุบันมีเว็บไซต์และโปรแกรมคำนวณคะแนนที่ช่วยให้น้องๆ คำนวณคะแนน TPAT3 ได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ เพียงกรอกข้อมูลที่จำเป็น ระบบก็จะทำการคำนวณให้โดยอัตโนมัติ
  • ปรึกษาอาจารย์แนะแนว: อาจารย์แนะแนวเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย น้องๆ สามารถปรึกษาอาจารย์แนะแนวเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนการเตรียมตัวสอบและการคำนวณคะแนนได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
  • ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวสารและประกาศจากคณะและมหาวิทยาลัยที่น้องๆ สนใจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของเกณฑ์การรับสมัครและค่าน้ำหนักของคะแนน TPAT3

สรุป

การคิดคะแนน TPAT3 อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่เมื่อเข้าใจหลักการและขั้นตอนการคำนวณแล้ว น้องๆ ก็จะสามารถวางแผนการเตรียมตัวสอบและยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมตรวจสอบค่าน้ำหนักของแต่ละคณะที่สนใจอย่างละเอียด และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ เพื่อให้ได้คะแนนที่ตรงตามเป้าหมายและคว้าโอกาสเข้าศึกษาในคณะที่ใฝ่ฝัน!