Niacinamide กับ Hyaluronic acid ต่างกันยังไง

Niacinamide ปะทะ Hyaluronic Acid: สองคู่หูผิวสวย ต่างกันอย่างไร?

หลายคนคงคุ้นเคยกับ Niacinamide และ Hyaluronic Acid ในฐานะส่วนผสมยอดฮิตในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่รู้หรือไม่ว่าแม้จะทำงานร่วมกันได้ดี แต่ทั้งสองก็มีคุณสมบัติและกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน มาไขความลับของสองซุปเปอร์สตาร์นี้กัน

Niacinamide (ไนอะซินาไมด์) หรือวิตามินบี3 เปรียบเสมือนนักรบผู้แข็งแกร่ง คอยปกป้องและฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ทำงานครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่

• เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว: ช่วยเสริมสร้างเซราไมด์ ซึ่งเป็นไขมันตามธรรมชาติในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดการสูญเสียน้ำ และป้องกันการระคายเคืองจากมลภาวะภายนอก
• ควบคุมความมัน: ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า จึงเหมาะกับผู้มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
• ลดรอยแดง รอยดำ: ช่วยลดการอักเสบและการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
• ลดริ้วรอย: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย

Hyaluronic Acid (ไฮยาลูรอนิก แอซิด) เปรียบเสมือนแม่เหล็กดูดความชุ่มชื้น ทำหน้าที่หลักในการกักเก็บน้ำในผิว โดย

• เติมความชุ่มชื้น: สามารถดูดซับน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว
• ลดเลือนริ้วรอย: เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะดูจางลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
• เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง: การมีผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น

สรุปง่ายๆ คือ Niacinamide เน้นการเสริมสร้างและปกป้องผิว ส่วน Hyaluronic Acid เน้นการเติมความชุ่มชื้น การใช้ร่วมกันจะช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี และอิ่มน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ

และสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เซรั่มบำรุงผิวสูตรใหม่ผสานคุณค่าจากสารสกัดดอกคาโมมายล์และวิตามินอี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยคุณสมบัติของคาโมมายล์ที่ช่วยลดการระคายเคือง ลดรอยแดง บวกกับวิตามินอีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปลอบประโลมผิว เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ และคืนความสดใสให้กับผิวที่บอบบางได้อย่างอ่อนโยน สัมผัสผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เผยผิวสวยสุขภาพดีอย่างมั่นใจ.