Vitamin E ใช้กับอะไรได้บ้าง

5 การดู

วิตามินอีมีประโยชน์หลากหลายมากกว่าที่คิด! นอกจากช่วยเรื่องผิวพรรณแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันภาวะโลหิตจางในเด็กแรกเกิด ลดอาการปวดกล้ามเนื้อเมื่อเดินนานๆ และอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดปลายประสาทจากโรคงูสวัด รวมถึงชะลอความเสื่อมของระบบประสาทในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วิตามินอี: มากกว่าแค่ผิวสวย เผยสรรพคุณที่ (อาจ) ไม่เคยรู้!

หลายคนคุ้นเคยกับวิตามินอีในฐานะ “วิตามินบำรุงผิว” ที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดเลือนริ้วรอย แต่รู้หรือไม่ว่าวิตามินอีมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลากหลายด้านมากกว่าที่คิด? ในขณะที่บทบาทเรื่องความงามยังคงเป็นที่นิยม วิตามินอีกลับซ่อนศักยภาพในการดูแลสุขภาพที่เราอาจมองข้ามไป

มากกว่าผิวสวย: วิตามินอีกับสุขภาพโดยรวม

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ซึ่งหมายความว่ามันสามารถช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดความเสื่อมของเซลล์และนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ

นอกเหนือจากการเป็นเกราะป้องกันเซลล์แล้ว วิตามินอีอาจมีบทบาทสำคัญในด้านอื่นๆ ดังนี้:

  • ป้องกันภาวะโลหิตจางในเด็กแรกเกิด: วิตามินอีช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่แตกง่าย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเด็กแรกเกิดที่อาจมีภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินอี

  • บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ: ใครที่เคยปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย หรือเดินนานๆ อาจลองเสริมวิตามินอีดู เพราะมีงานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่าวิตามินอีสามารถช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อและความเสียหายที่เกิดจากการออกกำลังกายได้

  • (อาจ) บรรเทาอาการปวดปลายประสาทจากโรคงูสวัด: แม้จะยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม แต่มีรายงานว่าวิตามินอีอาจช่วยบรรเทาอาการปวดปลายประสาทที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้องูสวัดได้ โดยเชื่อกันว่าฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของวิตามินอีมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของเส้นประสาท

  • (อาจ) ชะลอความเสื่อมของระบบประสาทในผู้ป่วยอัลไซเมอร์: ในช่วงแรกของการศึกษาพบว่า วิตามินอีอาจมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของระบบประสาทในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจนและจำเป็นต้องมีการศึกษาในวงกว้างเพื่อยืนยันผลลัพธ์นี้

แหล่งวิตามินอีจากธรรมชาติ:

เราสามารถพบวิตามินอีได้ในอาหารหลายชนิด เช่น

  • น้ำมันพืช: น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันมะกอก
  • ถั่วและเมล็ดพืช: อัลมอนด์, เมล็ดทานตะวัน, ถั่วลิสง
  • ผักใบเขียว: ผักโขม, บรอกโคลี
  • อะโวคาโด

ข้อควรระวัง:

แม้ว่าวิตามินอีจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มรับประทานวิตามินอีเสริม

สรุป:

วิตามินอีเป็นวิตามินที่มีประโยชน์หลากหลาย นอกเหนือจากบทบาทในการบำรุงผิวพรรณแล้ว วิตามินอีอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันภาวะโลหิตจาง บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ และ (อาจ) บรรเทาอาการปวดปลายประสาทและชะลอความเสื่อมของระบบประสาท อย่างไรก็ตาม ควรบริโภควิตามินอีในปริมาณที่เหมาะสมและปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินอีเสริม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น