สมบัติของเสียงมีอะไรบ้าง

3 การดู

เสียงมีคุณสมบัติสำคัญคือความดัง วัดเป็นเดซิเบล (dB) บ่งบอกความแรงของคลื่นเสียง ความสูงต่ำของเสียง หรือระดับเสียง วัดเป็นเฮิรตซ์ (Hz) ขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่น และโทนเสียง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแหล่งกำเนิดเสียง ทำให้เราแยกแยะเสียงต่างๆได้ เช่น เสียงเปียโนกับเสียงไวโอลิน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ลึกลงไปในโลกแห่งเสียง: พบกับคุณสมบัติลับที่มากกว่าความดังและสูงต่ำ

เราทุกคนคุ้นเคยกับเสียง ได้ยินเสียงนกร้อง เสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงหัวเราะของเพื่อน แต่เสียงนั้นซับซ้อนกว่าที่เราคิด มันไม่ใช่แค่ความดังหรือสูงต่ำเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมายที่ร่วมกันสร้างประสบการณ์ทางเสียงที่หลากหลายและน่าทึ่ง

ใช่แล้ว ความดังและระดับเสียง (ความสูงต่ำ) เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่เราเรียนรู้กันมา ความดัง วัดเป็นเดซิเบล (dB) บอกเราถึงความแรงของคลื่นเสียง เสียงที่ดังกว่าจะมีแอมพลิจูด (Amplitude) ของคลื่นเสียงสูงกว่า ขณะที่ระดับเสียงหรือความสูงต่ำของเสียง วัดเป็นเฮิรตซ์ (Hz) บ่งบอกถึงความถี่ของคลื่นเสียง เสียงที่มีความถี่สูงจะมีระดับเสียงสูง เช่น เสียงแหลมของนกหวีด ในขณะที่เสียงที่มีความถี่ต่ำจะมีระดับเสียงต่ำ เช่น เสียงทุ้มของกลองบาส

แต่เพียงสองคุณสมบัตินี้ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายความหลากหลายของเสียงที่เราได้ยิน ลองนึกถึงเสียงเปียโนและเสียงไวโอลินที่เล่นโน้ตเดียวกัน ทั้งสองเสียงมีความดังและระดับเสียงเท่ากัน แต่เรายังคงแยกแยะเสียงทั้งสองออกจากกันได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะ โทนเสียง (Timbre)

โทนเสียง คือ คุณสมบัติที่ทำให้เราแยกแยะเสียงจากแหล่งกำเนิดต่างๆได้ แม้ว่าเสียงเหล่านั้นจะมีความดังและระดับเสียงเท่ากันก็ตาม มันเกิดจากการที่เสียงประกอบด้วยคลื่นเสียงความถี่ต่างๆ ที่ซ้อนทับกัน คล้ายกับการผสมสี สีต่างๆ เมื่อผสมกันจะให้สีใหม่ที่แตกต่างกัน โทนเสียงก็เช่นเดียวกัน คลื่นความถี่ต่างๆ เหล่านี้เรียกว่า ฮาร์โมนิกส์ (Harmonics) และอัตราส่วนของฮาร์โมนิกส์เหล่านี้จะกำหนดโทนเสียงเฉพาะของแต่ละแหล่งกำเนิดเสียง เช่น เสียงเปียโนจะมีโทนเสียงที่นุ่มนวล ในขณะที่เสียงไวโอลินจะมีโทนเสียงที่สดใสกว่า

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ของเสียงที่น่าสนใจอีก เช่น:

  • ความยาวของเสียง (Duration): ระยะเวลาที่เสียงนั้นเกิดขึ้น เสียงสั้นๆ กับเสียงยาวๆ จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
  • การโจมตี (Attack): ความรวดเร็วที่ระดับเสียงถึงจุดสูงสุด เช่น เสียงกลองจะมีการโจมตีที่รวดเร็ว ในขณะที่เสียงไวโอลินอาจค่อยๆ เพิ่มระดับเสียงขึ้น
  • การสลาย (Decay): ความรวดเร็วที่ระดับเสียงลดลงหลังจากถึงจุดสูงสุด
  • ความกังวาน (Resonance): การสั่นสะเทือนของเสียงที่สะท้อนออกมาจากวัตถุต่างๆ ส่งผลให้เกิดเสียงที่ซับซ้อนและมีมิติมากขึ้น

การทำความเข้าใจคุณสมบัติต่างๆ ของเสียงเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของเสียงได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยให้เราสามารถออกแบบและสร้างสรรค์เสียงต่างๆ เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การบันทึกเสียง การผลิตดนตรี และแม้แต่การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ อีกด้วย เสียงนั้น เปี่ยมไปด้วยความลับที่รอให้เราค้นพบ และความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะเปิดประตูสู่โลกแห่งเสียงที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา