ค่า PA หมายความว่าอย่างไร

ค่า PA: เกราะป้องกันผิวจากรังสี UVA ที่คุณควรรู้

แสงแดดนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม ให้ทั้งความอบอุ่นและวิตามินดี แต่ก็มาพร้อมกับอันตรายจากรังสี UV ที่ทำลายผิวได้อย่างร้ายแรง รังสี UV แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ UVB ซึ่งทำให้ผิวไหม้แดง และ UVA ซึ่งทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย คล้ำเสีย และเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น การเลือกใช้ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในตัวชี้วัดประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากรังสี UVA นั่นก็คือ ค่า PA

ค่า PA (Protection Grade of UVA) เป็นมาตรฐานที่ใช้บอกระดับการป้องกันรังสี UVA ของผลิตภัณฑ์กันแดด ไม่ใช่แค่บอกว่ากันแดดได้หรือไม่ได้ แต่บอกถึง ระดับ การป้องกันอย่างชัดเจน ยิ่งค่า PA สูง ก็ยิ่งบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ดีขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปจะแสดงเป็นสัญลักษณ์ + เช่น PA+ PA++ PA+++ และ PA++++

แต่ละระดับมีความหมายดังนี้:

• PA+: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งในระยะเวลาสั้นๆ หรือในวันที่แสงแดดไม่แรงมาก
• PA++: ป้องกันรังสี UVA ได้ดีกว่า PA+ เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งในระยะเวลาปานกลาง หรือวันที่แสงแดดแรงปานกลาง
• PA+++: ป้องกันรังสี UVA ได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งในระยะเวลายาวนาน หรือวันที่แสงแดดแรงจัด
• PA++++: ป้องกันรังสี UVA ได้สูงสุด ให้การปกป้องที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญกับแสงแดดจัดเป็นเวลานาน เช่น การเล่นกีฬากลางแจ้ง การท่องเที่ยวทะเล

อย่าลืม! ค่า PA เป็นเพียงตัวชี้วัดหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกครีมกันแดด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและกิจกรรม และควรทาครีมกันแดดอย่างเพียงพอและบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากว่ายน้ำหรือเหงื่อออก เพื่อให้ได้การปกป้องผิวอย่างเต็มที่ และอย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ด้วย เพื่อประสิทธิภาพการปกป้องที่ดีที่สุด

การเลือกครีมกันแดดที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวระยะยาว เพื่อผิวที่สวยใส อ่อนเยาว์ และปลอดภัยจากอันตรายของรังสี UVA ดังนั้น อย่ามองข้ามค่า PA และเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับคุณ เพื่อปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดอันร้ายกาจ ให้คุณเปล่งประกายอย่างมั่นใจได้ทุกวัน