ดรอปกับถอน ต่างกันยังไง
การ ลด (Drop) วิชาออกจากตารางเรียนทำได้ภายในสองสัปดาห์แรก ไม่มีผลกับ Transcript ส่วนการ ถอน (Withdraw) ทำได้หลังจากนั้นจนถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนปิดภาคเรียน Transcript จะปรากฏสัญลักษณ์ W บ่งบอกการถอนวิชานั้น เลือกวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ
ดรอปหรือถอน: ตัดสินใจอย่างไรเมื่อวิชาเรียนไม่เป็นอย่างที่คิด
เมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาใดๆ หลายคนอาจพบว่าวิชาที่เคยคาดหวัง กลับไม่เป็นอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะเนื้อหาที่ยากเกินไป วิธีการสอนที่ไม่เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ หรือภาระงานที่มากเกินกว่าจะรับไหว ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ต้องตัดสินใจคือการ ดรอป (Drop) หรือ ถอน (Withdraw) วิชาดังกล่าว แล้วสองทางเลือกนี้แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกทางไหนถึงจะดีที่สุด?
ความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่ ระยะเวลา และ ผลกระทบต่อประวัติการศึกษา (Transcript) ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น:
-
ดรอป (Drop): เปรียบเสมือนการ “ยกเลิก” การลงทะเบียนวิชานั้นๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยจะกำหนดระยะเวลาในการดรอปวิชาไว้ในช่วง สองสัปดาห์แรก ของภาคเรียน (ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน ควรตรวจสอบกับระเบียบการของสถาบันที่คุณศึกษา) ข้อดีของการดรอปคือ ไม่มีผลกระทบต่อ Transcript วิชาที่ดรอปจะไม่ปรากฏในประวัติการศึกษาของคุณ ราวกับว่าคุณไม่เคยลงทะเบียนวิชานั้นมาก่อน ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเกรดเฉลี่ย (GPA)
-
ถอน (Withdraw): เป็นการ “ขอถอนตัว” ออกจากวิชาเรียนหลังจากพ้นช่วงเวลาดรอป โดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้ตั้งแต่หลังจากช่วงดรอปไปจนถึง หนึ่งสัปดาห์ก่อนปิดภาคเรียน (ควรถามรายละเอียดจากฝ่ายทะเบียนของสถาบัน) ข้อแตกต่างสำคัญคือ Transcript จะปรากฏสัญลักษณ์ “W” ซึ่งหมายถึง “Withdrawal” หรือ “การถอน” แม้ว่าการถอนวิชาจะไม่ส่งผลต่อการคำนวณ GPA โดยตรง แต่การมี “W” ใน Transcript อาจถูกตีความได้หลากหลายขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณาการรับเข้าศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น หรือนายจ้างในอนาคต บางคนอาจมองว่าเป็นการแสดงถึงความไม่มุ่งมั่น หรือขาดความรับผิดชอบ
แล้วควรเลือกอะไรดี?
การตัดสินใจว่าจะดรอปหรือถอน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้:
-
ระยะเวลา: หากยังอยู่ในช่วงเวลาที่สามารถดรอปได้ การดรอปอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะไม่มีผลกระทบต่อ Transcript
-
ผลการเรียนปัจจุบัน: หากผลการเรียนในวิชานั้นไม่ดีนัก และคาดว่าจะได้เกรดไม่ดี หากถอนวิชาอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ GPA ลดลง
-
ภาระงาน: หากภาระงานในวิชานั้นมากเกินไป และกระทบต่อการเรียนวิชาอื่นๆ การถอนวิชาอาจช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นในการโฟกัสกับวิชาที่เหลือ
-
เป้าหมายในอนาคต: พิจารณาว่าการมี “W” ใน Transcript จะส่งผลต่อเป้าหมายในอนาคตของคุณหรือไม่ หากคุณวางแผนที่จะสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น หรือสมัครงานที่แข่งขันสูง อาจต้องคิดให้รอบคอบ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
-
ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา: อาจารย์ที่ปรึกษาคือแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในการตัดสินใจว่าจะดรอปหรือถอน พวกเขาจะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ
-
พูดคุยกับอาจารย์ผู้สอน: การพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนอาจช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหามากขึ้น หรือได้รับคำแนะนำในการปรับปรุงผลการเรียน
-
อย่าตัดสินใจโดยรีบร้อน: ใช้เวลาในการพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือกอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจ
สุดท้ายนี้ การดรอปหรือถอนวิชาไม่ใช่เรื่องน่าอาย เป็นเพียงการตัดสินใจเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน การเลือกทางที่เหมาะสมที่สุด จะช่วยให้คุณสามารถมุ่งมั่นกับการเรียน และประสบความสำเร็จในอนาคตได้
#การเงิน#ดรอป#ถอนเงินข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต