ยอดเงินขั้นต่ําที่ต้องชําระบัตรเครดิตคือเท่าไหร่

2 การดู

การชำระหนี้บัตรเครดิตด้วยยอดขั้นต่ำ ช่วยให้ผู้ถือบัตรบริหารจัดการเงินได้ แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นหากชำระไม่เต็มจำนวน ยอดขั้นต่ำมักอยู่ที่ 5-10% ของยอดใช้จ่าย การชำระเพียงยอดขั้นต่ำบ่อยครั้งอาจส่งผลให้หนี้พอกพูน วางแผนการชำระอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินล้นมือ ศึกษาเงื่อนไขจากธนาคารเจ้าของบัตรอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระบัตรเครดิต…แค่พอประคองหรือพาจมหนี้?

บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สะดวกสบาย แต่หากใช้ไม่ระมัดระวัง อาจกลายเป็นภาระหนี้สินที่หนักอึ้งได้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามคือ “ยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระ” ซึ่งแม้จะดูเหมือนช่วยให้บริหารเงินได้ง่ายขึ้น แต่ก็แฝงด้วยอันตรายที่ผู้ถือบัตรควรตระหนัก

ยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระบัตรเครดิตนั้น ไม่มีจำนวนที่ตายตัว มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารและโปรแกรมบัตรเครดิต โดยทั่วไปมักจะกำหนดเป็น เปอร์เซ็นต์ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งอาจอยู่ที่ประมาณ 5% ถึง 10% หรืออาจเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่กำหนดตายตัว เช่น 300 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรแต่ละใบ ดังนั้น การตรวจสอบเงื่อนไขจากใบแจ้งยอดบัตรเครดิต หรือติดต่อสอบถามธนาคารโดยตรง จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด

การชำระเพียงยอดขั้นต่ำนั้น เหมือนกับการ “ซื้อเวลา” แต่เป็นการซื้อเวลาที่แพงมาก เพราะส่วนที่เหลือของยอดค้างชำระจะถูกคิดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นค่อนข้างสูง หากชำระเพียงยอดขั้นต่ำเป็นประจำ ดอกเบี้ยจะทบต้นทบดอกอย่างรวดเร็ว ทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ และอาจกลายเป็นภาระหนี้สินที่ยากจะกู้คืนได้

นอกจากนี้ การชำระเพียงยอดขั้นต่ำยังส่งผลต่อ เครดิตบูโร แม้จะไม่ผิดนัดชำระ แต่การชำระเพียงเล็กน้อยบ่อยครั้งอาจสะท้อนภาพลักษณ์ทางการเงินที่ไม่ดี ส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต เช่น การขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หรือแม้แต่การสมัครบัตรเครดิตใบใหม่ อาจได้รับการอนุมัติยากขึ้นหรือได้รับวงเงินที่น้อยลง

ดังนั้น แม้การชำระยอดขั้นต่ำจะเป็นทางเลือกที่ดูสะดวก แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ควรวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ พยายามชำระยอดเต็มจำนวน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ให้มากกว่ายอดขั้นต่ำ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและรักษาประวัติเครดิตที่ดี การวางแผนงบประมาณรายได้และรายจ่าย การติดตามยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ และการตั้งเป้าหมายในการชำระหนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการบัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินที่อาจตามมาในภายหลัง