เบิกพรบต้องสำรองจ่ายก่อนไหม

2 การดู

กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ. มอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่ไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลเครือข่ายจะเบิกค่ารักษาได้โดยตรง เพียงเตรียมเอกสารให้พร้อม สะดวก รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่าย ให้คุณมั่นใจในความคุ้มครอง ขับขี่ปลอดภัย สบายใจไร้กังวล

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เบิก พ.ร.บ. รถยนต์: ไม่ต้องสำรองจ่ายจริงหรือ? เจาะลึกทุกประเด็นที่คุณต้องรู้

เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หนึ่งในความกังวลใจที่เกิดขึ้นคือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หลายคนสงสัยว่าการเบิกค่ารักษาจาก พ.ร.บ. รถยนต์นั้น จำเป็นต้องสำรองจ่ายเงินเองก่อนหรือไม่? แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว พ.ร.บ. จะมอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย แต่ก็มีเงื่อนไขและรายละเอียดที่คุณควรทราบ เพื่อให้การเบิกเคลมเป็นไปอย่างราบรื่น

หลักการเบื้องต้น: ไม่ต้องสำรองจ่าย (Direct Billing)

สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่, ผู้โดยสาร, หรือคนเดินเท้า หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทประกันภัยของ พ.ร.บ. แล้ว ส่วนใหญ่ “ไม่ต้องสำรองจ่าย” ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น

โรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาจะทำการเบิกค่ารักษาพยาบาลโดยตรงกับบริษัทประกันภัย (Direct Billing) โดยผู้ป่วยหรือญาติเพียงแสดงหลักฐานที่จำเป็น เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนรถ (ถ้าทราบ), และใบแจ้งความ (ถ้ามี) เพื่อให้โรงพยาบาลดำเนินการเบิกเคลม

ทำไมถึงมีข้อยกเว้น? กรณีที่อาจต้องสำรองจ่าย

แม้ว่าหลักการคือไม่ต้องสำรองจ่าย แต่ก็มีบางกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้:

  • โรงพยาบาลที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญา: หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับบริษัทประกันภัยของ พ.ร.บ. อาจมีความจำเป็นต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วจึงนำเอกสารไปยื่นเคลมกับบริษัทประกันภัยภายหลัง
  • ค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงินคุ้มครองเบื้องต้น: พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นในวงเงินที่กำหนด (ปัจจุบันอยู่ที่ 80,000 บาทต่อคน) หากค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงินนี้ ผู้ป่วยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินเอง หรืออาจใช้สิทธิ์จากประกันสุขภาพอื่นๆ ที่มีอยู่
  • การรักษาพยาบาลที่ไม่เข้าข่ายความคุ้มครอง: พ.ร.บ. ให้ความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้น หากมีการรักษาที่ไม่เกี่ยวข้อง (เช่น โรคประจำตัว) จะไม่สามารถเบิกเคลมได้
  • เอกสารไม่ครบถ้วน: หากเอกสารที่ใช้ในการเบิกเคลมไม่ครบถ้วน หรือข้อมูลไม่ถูกต้อง อาจทำให้การเบิกเคลมล่าช้า หรือถูกปฏิเสธได้
  • ข้อสงสัยในความถูกต้องของอุบัติเหตุ: หากบริษัทประกันภัยมีข้อสงสัยในความถูกต้องของอุบัติเหตุ เช่น การจัดฉาก หรือการเคลมเท็จ อาจมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ทำให้การเบิกเคลมล่าช้า หรือถูกปฏิเสธได้

สิ่งที่ควรทำเพื่อความสะดวกในการเบิกเคลม

  • ตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลคู่สัญญา: ก่อนเข้ารับการรักษา ควรตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทประกันภัยของ พ.ร.บ. ของคุณ
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม: เตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อม เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนรถ (ถ้าทราบ), ใบแจ้งความ (ถ้ามี), และเอกสารทางการแพทย์ต่างๆ
  • แจ้งบริษัทประกันภัยทันที: แจ้งบริษัทประกันภัยเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
  • สอบถามรายละเอียด: สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการเบิกเคลม และเงื่อนไขต่างๆ จากโรงพยาบาล หรือบริษัทประกันภัยโดยตรง

สรุป

โดยทั่วไปแล้ว การเบิก พ.ร.บ. รถยนต์สำหรับการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ไม่จำเป็นต้องสำรองจ่าย หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาและเตรียมเอกสารครบถ้วน อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจเงื่อนไขและความคุ้มครองของ พ.ร.บ. อย่างละเอียด จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ ลดความกังวลใจ และได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่