Google Ads คิดเงินยังไง

Google Ads คิดเงินอย่างไร?

Google Ads เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ โฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนให้ปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ Google และเว็บไซต์พันธมิตร แต่ Google Ads ไม่คิดเงินแบบคงที่ การคิดเงินจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและการแข่งขัน ซึ่งแตกต่างจากการโฆษณาแบบอื่นๆ กลไกหลักที่ Google Ads ใช้ในการคิดเงินคือการประมูลแบบเสนอราคา (Bidding)

โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อคุณสร้างแคมเปญโฆษณาบน Google Ads คุณจะตั้งค่าราคาที่ยินดีจ่ายสูงสุดต่อการคลิก (Cost Per Click – CPC) ซึ่งก็คือราคาสูงสุดที่คุณต้องการจ่ายเมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาของคุณ ระบบ Google Ads จะประมูลราคาของคุณกับโฆษณาอื่นๆ ที่ใช้คำค้นหาหรือเป้าหมายเดียวกัน โฆษณาที่เสนอราคาสูงสุดและมีคุณภาพดีจะได้รับการแสดงผลก่อน

แต่ Google Ads ไม่ได้เพียงแค่ดูราคาที่คุณเสนอ ระบบยังพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้โฆษณาที่มีคุณภาพดีที่สุด ปัจจัยสำคัญๆ ได้แก่:

• คุณภาพของโฆษณา: Google จะประเมินคุณภาพของโฆษณาของคุณโดยพิจารณาจากความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา ความน่าสนใจ และโครงสร้างของโฆษณาเอง โฆษณาที่มีคุณภาพสูงจะได้รับการแสดงผลในราคาที่ต่ำกว่า แม้ว่าจะเสนอราคาต่ำกว่าคู่แข่งก็ตาม
• ประวัติการคลิก: ประสบการณ์การคลิกโฆษณาในอดีตของคุณและของคู่แข่งมีส่วนสำคัญในการกำหนดราคา ระบบเรียนรู้ว่าโฆษณาแบบไหนดึงดูดความสนใจและมีประสิทธิภาพดีกว่า
• คำค้นหา: คำค้นหาที่ใช้เพื่อค้นหาโฆษณาของคุณส่งผลต่อราคาการประมูล คำที่แข่งขันสูง (เช่น คำทั่วไป เช่น “โทรศัพท์มือถือ”) มีแนวโน้มที่จะมีราคาต่อคลิกสูงกว่าคำเฉพาะเจาะจง
• ประเภทของโฆษณา: Google Ads มีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบอาจมีราคาที่แตกต่างกันไป
• การกำหนดเป้าหมาย: การกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำจะช่วยให้คุณประหยัดงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา

ดังนั้น การที่โฆษณาของคุณได้คลิก 5 ครั้งด้วยราคาคลิก 5, 10, 8, 12 และ 7 บาท CPC เฉลี่ยจะคำนวณโดยหารผลรวมของราคาคลิกทั้ง 5 ครั้ง (5+10+8+12+7 = 42 บาท) ด้วยจำนวนคลิก (5 ครั้ง) จึงได้ CPC เฉลี่ยที่ 8.4 บาท

สรุปได้ว่า Google Ads คิดเงินตามหลักการประมูล ไม่ใช่ราคาคงที่ ราคาต่อคลิกขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง การเข้าใจกลไกนี้จะช่วยให้คุณวางแผนและจัดการแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและประหยัดงบประมาณในการโฆษณา