การใช้รังสีจากไอโอดีน-131 ทางการแพทย์ ใช้ในข้อใด

4 การดู

ไอโอดีน-131 (I-131) เป็นไอโซโทปที่ใช้รักษาโรคไทรอยด์หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งไทรอยด์และภาวะไทรอยด์เป็นพิษ คุณสมบัติการจับกับเนื้อเยื่อไทรอยด์ทำให้ I-131 กำจัดเซลล์ที่ผิดปกติได้อย่างเฉพาะเจาะจง ปัจจุบันยังมีไอโซโทปอื่นๆ เช่น I-131 MIBG, Y-90, และ Sm-153 ที่ใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ แต่ I-131 ยังคงเป็นตัวเลือกหลักในการรักษาโรคไทรอยด์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไอโอดีน-131: รังสีแห่งความหวังในการรักษาโรคไทรอยด์

ไอโอดีน-131 (I-131) เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีที่มีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ โดยเฉพาะการรักษาโรคไทรอยด์ ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถจับกับเนื้อเยื่อไทรอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ I-131 จึงเป็นอาวุธลับในการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติในต่อมไทรอยด์

การใช้ I-131 ในการรักษาโรคไทรอยด์

  • มะเร็งไทรอยด์: I-131 ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งไทรอยด์ทั้งในระยะเริ่มต้นและระยะลุกลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการผ่าตัดเอามะเร็งไทรอยด์ออกไปแล้ว เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลือ
  • ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Graves’ disease): I-131 สามารถใช้ในการลดขนาดของต่อมไทรอยด์และควบคุมการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ช่วยบรรเทาอาการของโรคไทรอยด์เป็นพิษ เช่น หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น และน้ำหนักลด
  • โรคไทรอยด์ชนิดอื่นๆ: I-131 ยังสามารถใช้ในการรักษาโรคไทรอยด์บางชนิด เช่น โรค Basedow’s disease และโรคไทรอยด์อักเสบ

ข้อดีของการใช้ I-131

  • เฉพาะเจาะจง: I-131 มีคุณสมบัติในการจับกับเซลล์ไทรอยด์โดยตรง ส่งผลกระทบต่อเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ที่ผิดปกติได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงต่ออวัยวะอื่นๆ
  • ประสิทธิภาพสูง: I-131 สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งไทรอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและลดความเสี่ยงจากการกลับมาของโรค
  • สะดวก: การรักษาด้วย I-131 เป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน โดยทั่วไปผู้ป่วยจะได้รับยาในรูปแบบของเม็ดหรือน้ำ และพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียงไม่กี่วัน

ข้อควรระวัง

  • ผลข้างเคียง: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism)
  • ข้อห้าม: ผู้ที่มีโรคไตหรือโรคตับ หรือผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร อาจต้องได้รับการประเมินก่อนการรักษาด้วย I-131

I-131 เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการรักษาโรคไทรอยด์ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การใช้ I-131 ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง