ปุ๋ย 25-7-7 กับ 16-16-16 ต่างกันอย่างไร

ปุ๋ย 25-7-7 กับ 16-16-16: เลือกสูตรไหนให้เหมาะกับพืชของคุณ?

เมื่อพูดถึงปุ๋ย หลายคนคงเคยเห็นตัวเลขบนถุง เช่น 25-7-7 หรือ 16-16-16 แต่ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงอะไร และสูตรไหนเหมาะกับพืชของคุณ? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างปุ๋ย 25-7-7 และ 16-16-16 เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับระยะการเจริญเติบโตของพืชของคุณ

ตัวเลขบนถุงปุ๋ย คืออะไร?

ตัวเลขบนถุงปุ๋ยแสดงถึงปริมาณของธาตุอาหารหลัก 3 ชนิด ที่อยู่ในปุ๋ย ได้แก่:

• ตัวเลขแรก: แสดงเปอร์เซ็นต์ของไนโตรเจน (N) ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตทางใบและลำต้น
• ตัวเลขที่สอง: แสดงเปอร์เซ็นต์ของฟอสฟอรัส (P) ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตของรากและดอกผล
• ตัวเลขที่สาม: แสดงเปอร์เซ็นต์ของโพแทสเซียม (K) ซึ่งช่วยในการพัฒนาผลผลิตและความแข็งแรงของพืช

ความแตกต่างระหว่างปุ๋ย 25-7-7 และ 16-16-16

• ปุ๋ย 25-7-7: สูตรนี้มีไนโตรเจนสูง ทำให้เหมาะสำหรับการเร่งการเจริญเติบโตทางใบและลำต้น เหมาะสำหรับใช้ในช่วงที่พืชกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ระยะต้นกล้า หรือระยะหลังปลูก
• ปุ๋ย 16-16-16: สูตรนี้มีธาตุอาหารครบถ้วนทั้ง ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในปริมาณเท่าๆ กัน ทำให้เหมาะสำหรับการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างสมดุล ทั้งราก ใบ ดอก และผล เหมาะสำหรับใช้ในช่วงที่พืชเริ่มออกดอกและติดผล

เลือกใช้ให้เหมาะสม

• พืชที่ต้องการการเจริญเติบโตทางใบอย่างรวดเร็ว: ควรเลือกใช้ปุ๋ย 25-7-7 เช่น ผักใบเขียว ต้นไม้ประดับ
• พืชที่ต้องการการเจริญเติบโตของรากและดอกผล: ควรเลือกใช้ปุ๋ย 16-16-16 เช่น ผลไม้ ไม้ดอก ผักผลไม้
• ช่วงต้นฤดูปลูก: ควรเลือกใช้ปุ๋ย 25-7-7
• ช่วงออกดอกและติดผล: ควรเลือกใช้ปุ๋ย 16-16-16

คำแนะนำเพิ่มเติม

• สังเกตพืชของคุณ: พืชที่มีใบเหลืองซีดอาจขาดไนโตรเจน ควรใช้ปุ๋ย 25-7-7
• อ่านฉลากอย่างละเอียด: ปริมาณการใช้และช่วงเวลาในการใช้ปุ๋ยจะขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและสภาพอากาศ
• ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าไม่แน่ใจว่าควรใช้ปุ๋ยชนิดไหน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตร

การเลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับระยะการเจริญเติบโตของพืชจะช่วยให้พืชของคุณเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ผลผลิตดี และแข็งแรง