อาการไข้ไม่หายเกิดจากอะไร

2 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

ไข้เรื้อรังนาน 1 เดือน อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อเรื้อรัง (วัณโรค), โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (SLE) หรือแม้แต่โรคมะเร็งเม็ดเลือด/ต่อมน้ำเหลือง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยทิ้งไว้!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้ไม่หาย…สัญญาณเตือนภัยที่ต้องใส่ใจ

อาการไข้เป็นกลไกการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายเมื่อเผชิญกับสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะเชื้อโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม หากอาการไข้ยังคงอยู่ต่อเนื่อง ไม่ยอมหายไป หรือกลับมาเป็นซ้ำๆ แม้จะได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงปัญหาซ่อนเร้นที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

หลายคนอาจเคยเจอประสบการณ์ไข้ขึ้นๆ ลงๆ กินยาลดไข้ก็ดีขึ้นชั่วคราว แต่พอหมดฤทธิ์ยาก็กลับมาเป็นใหม่ หรือบางรายไข้ต่ำๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน จนทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

อะไรคือสาเหตุของอาการไข้ที่ไม่หาย?

อาการไข้ที่ไม่ยอมหายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ และมักเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่าการติดเชื้อไวรัสทั่วไป สาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อยมีดังนี้:

  • การติดเชื้อเรื้อรัง: การติดเชื้อบางชนิดสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นาน โดยที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดได้หมดสิ้น ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและมีไข้ต่ำๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น วัณโรค ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในปอด หรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เอชไอวี (HIV) หรือไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

  • โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Diseases): ในภาวะนี้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยเข้าใจผิดว่าเนื้อเยื่อและเซลล์ของตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำการโจมตีและทำลายเนื้อเยื่อเหล่านั้น ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและมีไข้ โรคในกลุ่มนี้ที่พบบ่อย ได้แก่ โรคเอสแอลอี (SLE หรือ Lupus), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease – IBD)

  • โรคมะเร็ง: มะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) สามารถทำให้เกิดอาการไข้ได้ เนื่องจากเซลล์มะเร็งจะปล่อยสารบางอย่างที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดการอักเสบ

  • การอักเสบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ: ภาวะอักเสบบางอย่าง เช่น โรคหลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis) หรือโรคเกาต์ (Gout) สามารถทำให้เกิดไข้ได้

  • ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดไข้ได้ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และยาสำหรับรักษาโรคหัวใจ

  • สาเหตุอื่นๆ: บางครั้งอาการไข้ที่ไม่หายอาจเกิดจากสาเหตุที่ไม่ชัดเจน เช่น การได้รับสารพิษบางชนิด หรือความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง

เมื่อไหร่ที่ต้องปรึกษาแพทย์?

หากคุณมีอาการไข้ไม่หาย หรือมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม:

  • ไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส
  • ไข้ติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เหงื่อออกมากตอนกลางคืน ผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ หรือไอเรื้อรัง

การวินิจฉัยและการรักษา

แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจสั่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การเอกซเรย์ หรือการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ เพื่อหาสาเหตุของอาการไข้ เมื่อทราบสาเหตุแล้ว แพทย์จะทำการรักษาตามความเหมาะสม เช่น การให้ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาการติดเชื้อ การให้ยากดภูมิคุ้มกันสำหรับรักษาโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีสำหรับโรคมะเร็ง

อย่าปล่อยทิ้งไว้…ดูแลตัวเองให้ดี

อาการไข้ที่ไม่หายอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ดังนั้นอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการไข้เรื้อรังได้