แสงสีอะไรทำให้ผิวดำ

2 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

แสงสีฟ้าจากหน้าจอเป็นภัยร้ายต่อผิว! ไม่ต่างจาก UVA/B ที่กระตุ้นฝ้า กระ จุดด่างดำ แถมยังเร่งการอักเสบและการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวหมองคล้ำกว่าเดิม ปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าด้วยครีมกันแดดและลดเวลาอยู่หน้าจอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แสงสีฟ้า…ตัวการร้ายทำผิวคล้ำเสีย จริงหรือ? เจาะลึกความจริงที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนคงเคยได้ยินว่าแสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งหลอดไฟ LED เป็นศัตรูตัวร้ายที่คอยทำร้ายผิวของเรา ทำให้ผิวคล้ำเสีย เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย อันที่จริงแล้วเรื่องนี้มีทั้งส่วนที่เป็นความจริงและส่วนที่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม มาดูกันว่าความเชื่อเหล่านี้มีที่มาอย่างไร และเราควรดูแลผิวจากแสงสีฟ้าอย่างไรให้ถูกต้อง

แสงสีฟ้าคืออะไร?

แสงสีฟ้า หรือ High Energy Visible (HEV) light คือแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นและพลังงานสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแสงที่มองเห็นได้จากดวงอาทิตย์ และยังถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

แสงสีฟ้ากับผิวคล้ำเสีย: ความจริงที่ไม่ควรมองข้าม

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งชี้ว่าแสงสีฟ้าสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนผิวหนังได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ:

  • การกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน: แสงสีฟ้าสามารถกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผิวคล้ำเสีย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีผิวสีเข้มจะมีแนวโน้มที่จะเกิดผลกระทบนี้ได้ง่ายกว่า

  • การเกิดอนุมูลอิสระ: แสงสีฟ้าสามารถก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ซึ่งเป็นตัวการทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย และยังทำให้ผิวอ่อนแอลงต่อปัจจัยภายนอกอื่นๆ อีกด้วย

  • การอักเสบของผิว: แสงสีฟ้าสามารถกระตุ้นการอักเสบในผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ เช่น สิว ผิวแดง และผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อแตกต่างจาก UVA/UVB:

แม้ว่าแสงสีฟ้าจะส่งผลเสียต่อผิวได้คล้ายคลึงกับรังสี UVA และ UVB จากแสงแดด แต่กลไกการทำลายผิวมีความแตกต่างกัน รังสี UVA และ UVB เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการทำลาย DNA ของเซลล์ผิว ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ในขณะที่แสงสีฟ้าเน้นไปที่การกระตุ้นการสร้างเม็ดสีและการเกิดอนุมูลอิสระมากกว่า

แสงสีฟ้าจากหน้าจอ: น่ากังวลแค่ไหน?

ถึงแม้ว่าแสงสีฟ้าจากหน้าจอจะสามารถส่งผลเสียต่อผิวได้ แต่ปริมาณแสงที่ได้รับจากการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันนั้นอาจจะน้อยกว่าแสงสีฟ้าจากแสงแดดมาก อย่างไรก็ตาม การสัมผัสแสงสีฟ้าจากหน้าจอเป็นเวลานานๆ ในระยะใกล้ ก็อาจส่งผลเสียต่อผิวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวอื่นๆ อยู่แล้ว

ปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า: ทำอย่างไรได้บ้าง?

  • ครีมกันแดด: เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่สามารถปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าได้ เช่น Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Iron Oxide หรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ

  • ลดเวลาอยู่หน้าจอ: พยายามลดเวลาในการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพักสายตาเป็นระยะๆ

  • ปรับแสงหน้าจอ: ปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และเปิดโหมด Night Mode หรือ Blue Light Filter เพื่อลดปริมาณแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมา

  • บำรุงผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี, วิตามินอี, และสารสกัดจากพืชต่างๆ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงสีฟ้า

สรุป:

แสงสีฟ้าสามารถส่งผลเสียต่อผิวได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีและการเกิดอนุมูลอิสระ การป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงสีฟ้าเป็นเวลานานๆ ในชีวิตประจำวัน การใช้ครีมกันแดด, ลดเวลาอยู่หน้าจอ, ปรับแสงหน้าจอ, และบำรุงผิวด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยปกป้องผิวของคุณจากอันตรายของแสงสีฟ้าได้เป็นอย่างดี

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำในการดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
  • ติดตามข่าวสารและงานวิจัยเกี่ยวกับแสงสีฟ้าและผลกระทบต่อผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม