การนอนกระตุกเกิดจากอะไร

7 การดู

กล้ามเนื้อกระตุกขณะหลับมักเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วในช่วง REM sleep หรือการเปลี่ยนแปลงของระดับสารเคมีในสมอง ปัจจัยอื่นๆ อาจรวมถึงความเครียด การขาดสารอาหาร หรือผลข้างเคียงของยาบางชนิด หากอาการรุนแรงหรือเกิดบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

การนอนกระตุก: เมื่อร่างกาย “สะดุ้ง” ในห้วงนิทรา

เคยไหม? รู้สึกเหมือนกำลังจะตกจากที่สูง หรือร่างกายกระตุกอย่างกะทันหันขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “การนอนกระตุก” หรือ “Hypnic Jerk” ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มคนนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมีภาวะเครียดสะสม

แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดถึงสาเหตุของการนอนกระตุก แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมติฐานที่น่าสนใจไว้หลายประการ ดังนี้

1. สมองสับสน: ในช่วงที่เราใกล้หลับ สมองจะค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากภาวะตื่นตัวเข้าสู่ห้วงนิทรา บางครั้งสมองอาจตีความสัญญาณคลื่นไฟฟ้าที่ผิดเพี้ยน ทำให้เกิดการสั่งการที่ไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการกระตุกอย่างฉับพลัน

2. ความฝันที่สมจริง: ทฤษฎีหนึ่งเชื่อมโยงการนอนกระตุกกับความฝัน โดยเฉพาะในช่วง REM sleep ซึ่งเป็นช่วงที่เรามักฝัน vividly การกระตุกอาจเป็นผลมาจากการที่สมองพยายามตอบสนองต่อภาพ หรือเหตุการณ์ในฝัน เช่น ฝันว่ากำลังตกจากที่สูง

3. ปัจจัยกระตุ้น: นอกจากปัจจัยภายในร่างกายแล้ว พฤติกรรมบางอย่างก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการนอนกระตุกได้บ่อยขึ้น เช่น

  • ความเครียด วิตกกังวล: เมื่อเรามีความเครียด ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกายจะสูงขึ้น ส่งผลต่อการนอนหลับ และเพิ่มโอกาสการเกิดอาการนอนกระตุก
  • การอดนอน: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อสมดุลของสารเคมีในสมอง และระบบประสาท ทำให้เกิดอาการต่างๆ รวมถึงการนอนกระตุก
  • คาเฟอีนและแอลกอฮอล์: การบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ก่อนนอน อาจรบกวนวงจรการนอนหลับ และกระตุ้นให้เกิดอาการนอนกระตุกได้
  • ผลข้างเคียงของยา: ยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยารักษาโรคซึมเศร้า อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการนอนกระตุกได้

เมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์?

โดยทั่วไป การนอนกระตุกมักไม่เป็นอันตราย และจะหายไปเองเมื่อเรานอนหลับสนิท อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่าตนเองมีอาการนอนกระตุกบ่อยครั้ง จนรบกวนการนอนหลับ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น นอนกัดฟัน นอนละเมอ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป