การมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะอันตรายไหม

3 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

หากพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือความเสียหายต่อไตในระยะยาว การตรวจติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ: สัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม

การตรวจพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “Pyuria” เป็นสิ่งที่หลายคนอาจเคยเจอจากการตรวจสุขภาพประจำปี แต่หลายครั้งก็ถูกมองข้ามไปเพราะไม่แสดงอาการเด่นชัด บทความนี้จะเจาะลึกถึงความหมายเบื้องหลังภาวะดังกล่าว และทำไมจึงสำคัญที่เราต้องให้ความสนใจ

เม็ดเลือดขาวในปัสสาวะคืออะไร?

โดยปกติ ปัสสาวะของเราควรจะใสและปราศจากเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือมีในปริมาณน้อยมาก การตรวจพบเม็ดเลือดขาวจำนวนมากในปัสสาวะบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการอักเสบหรือการติดเชื้อบางอย่าง โดยเม็ดเลือดขาวเหล่านี้จะถูกส่งไปยังระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อจัดการกับปัญหา

สาเหตุที่พบบ่อยของการมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ:

  • การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI): เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในสตรี การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ไปจนถึงไต
  • การติดเชื้อในไต (Pyelonephritis): เป็นการติดเชื้อที่รุนแรงกว่า UTI และมักมาพร้อมกับอาการไข้สูง ปวดหลัง และคลื่นไส้
  • นิ่วในไต: นิ่วที่เคลื่อนตัวในระบบทางเดินปัสสาวะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะได้
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs): บางโรค เช่น หนองใน อาจทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะและนำไปสู่การพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ
  • การอักเสบของไต (Glomerulonephritis): โรคที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยกรองของไต อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของเม็ดเลือดขาวเข้าสู่ปัสสาวะ
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อไตและทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ
  • การติดเชื้อรา: โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะได้

ทำไมการพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะถึงอันตราย?

แม้ว่าบางครั้งการพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะอาจไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ แต่การละเลยสัญญาณนี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น:

  • การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis): หากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะไม่ได้รับการรักษา อาจแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • ความเสียหายต่อไต: การติดเชื้อในไตที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดความเสียหายถาวรต่อไต และนำไปสู่ภาวะไตวายในระยะยาว
  • การเกิดแผลเป็นที่ไต: การอักเสบเรื้อรังในไตอาจทำให้เกิดแผลเป็นและลดประสิทธิภาพการทำงานของไต
  • ความดันโลหิตสูง: ความเสียหายต่อไตอาจส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต

สัญญาณที่ควรสังเกตและไปพบแพทย์:

  • ปัสสาวะขุ่นหรือมีสีผิดปกติ: อาจมีเลือดปน
  • ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น: บ่งบอกถึงการติดเชื้อ
  • ปัสสาวะบ่อย: โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการปวดหรือแสบขณะปัสสาวะ
  • ปวดหลังหรือสีข้าง: อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อในไต
  • มีไข้ หนาวสั่น: สัญญาณของการติดเชื้อรุนแรง

ข้อควรปฏิบัติเมื่อพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ:

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การตรวจปัสสาวะเพิ่มเติม การเพาะเชื้อปัสสาวะ และการตรวจอื่นๆ อาจมีความจำเป็นในการระบุสาเหตุที่แท้จริง

การรักษา: ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ โดยทั่วไป การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ส่วนภาวะอื่นๆ อาจต้องใช้การรักษาที่จำเพาะเจาะจงมากขึ้น

การดูแลตัวเอง:

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อช่วยขับแบคทีเรียออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ
  • หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนานๆ: การกลั้นปัสสาวะอาจทำให้แบคทีเรียสะสมในกระเพาะปัสสาวะ
  • รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรีย

สรุป:

การพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายอาจกำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่าง การตระหนักถึงความสำคัญของสัญญาณนี้และรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษา จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีในระยะยาว การตรวจติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถดูแลสุขภาพของเราได้อย่างดีที่สุด