การเปลี่ยนไตเปลี่ยนกี่ข้าง

4 การดู

การปลูกถ่ายไตเป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนไตที่ทำงานผิดปกติด้วยไตจากผู้บริจาคที่เข้ากันได้ แพทย์จะฝังไตใหม่เข้ากับอุ้งเชิงกรานโดยไม่ต้องผ่าตัดเอาไตเดิมออก การต่อหลอดเลือดและท่อไตกับระบบร่างกายผู้รับจะเสร็จสมบูรณ์ในขั้นตอนเดียว โดยทั่วไปใช้ไตเพียงข้างเดียวก็เพียงพอสำหรับการทดแทนการทำงานของไต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หนึ่งไตใหม่…ชีวิตใหม่ : ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกถ่ายไต

การปลูกถ่ายไตเป็นความหวังใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หลายคนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกระบวนการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องจำนวนไตที่ใช้ในการปลูกถ่าย บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “ต้องเปลี่ยนไตทั้งสองข้างหรือไม่?” คำตอบคือ ไม่จำเป็น โดยทั่วไปแล้ว การปลูกถ่ายไตจะใช้ไตเพียง หนึ่งข้าง จากผู้บริจาค ไตเพียงข้างเดียวก็สามารถกรองของเสียและรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับคนคนหนึ่ง ร่างกายของเราไม่ได้จำเป็นต้องมีไตสองข้างเพื่อทำงานอย่างเต็มที่

กระบวนการปลูกถ่ายไตไม่ได้หมายถึงการผ่าตัดเอาไตเดิมออก แพทย์จะฝังไตใหม่เข้าไปในอุ้งเชิงกรานของผู้รับ โดยจะทำการต่อหลอดเลือดและท่อไต (ureter) กับระบบไหลเวียนโลหิตและทางเดินปัสสาวะของผู้รับ ไตเดิมที่เสื่อมสภาพแล้วจะยังคงอยู่ในร่างกาย แต่จะไม่มีบทบาทในการกรองเลือดอีกต่อไป นั่นหมายความว่า ผู้รับอาจมีไตทั้งหมดสามข้างในร่างกายหลังการผ่าตัด (ไตเดิมสองข้างและไตปลูกถ่ายหนึ่งข้าง) อย่างไรก็ตาม ไตเดิมที่เสื่อมสภาพจะไม่สร้างภาระหรือปัญหาใดๆเพิ่มเติม

การใช้ไตเพียงหนึ่งข้างในการปลูกถ่ายมีข้อดีหลายประการ นอกจากจะลดความซับซ้อนของการผ่าตัดแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้บริจาคมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น เนื่องจากการบริจาคไตเพียงข้างเดียวไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ดังนั้น ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปลูกถ่ายไต คือการใช้ไตเพียงข้างเดียวก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้รับควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของการปลูกถ่ายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด การรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกังวลให้กับผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างมาก