กินวิตามินกี่ชั่วโมงถึงกินกาแฟได้

1 การดู

เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึมวิตามินสูงสุด ควรงดดื่มชาหรือกาแฟอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงหลังรับประทานวิตามิน (รวมถึงสังกะสีและแคลเซียม) เนื่องจากคาเฟอีนและสารประกอบอื่นๆ ในเครื่องดื่มเหล่านี้สามารถขัดขวางการดูดซึมวิตามินได้ หากจำเป็นต้องดื่ม ควรรับประทานวิตามินหลังอาหารทันทีแล้วจึงเว้นช่วงเวลาดังกล่าว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ชา กาแฟ และวิตามิน: ระยะห่างที่ใช่ เพื่อการดูดซึมสูงสุด

เราต่างรู้ดีว่าวิตามินและแร่ธาตุมีความสำคัญต่อสุขภาพ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนร่างกายให้แข็งแรง แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เรารับประทานร่วมกับวิตามิน โดยเฉพาะเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างชาและกาแฟ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดูดซึมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

หลายคนชื่นชอบการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟหอมกรุ่น หรือดื่มชาอุ่นๆ ระหว่างรับประทานอาหารเสริม แต่ความจริงแล้ว คาเฟอีนและสารประกอบต่างๆ ในชาและกาแฟ สามารถรบกวนการทำงานของร่างกายในการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุที่ไวต่อกรด เช่น วิตามินซี วิตามินบี12 แคลเซียม และสังกะสี

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ต้องเว้นระยะห่างจากการดื่มชาหรือกาแฟ หลังรับประทานวิตามินนานเท่าไร ถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด? คำตอบที่แนะนำคือ อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง

การดื่มชาหรือกาแฟในช่วงเวลานี้ จะทำให้สารคาเฟอีนและสารประกอบอื่นๆ เข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์และโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดูดซึมวิตามิน ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้น้อยลง ผลลัพธ์คือ เราอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากวิตามินที่รับประทานเข้าไป แม้ว่าจะซื้อวิตามินที่มีคุณภาพสูงก็ตาม

เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้:

  • รับประทานวิตามินหลังอาหาร: การรับประทานวิตามินหลังอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น เพราะอาหารจะช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะ
  • รออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ก่อนดื่มชาหรือกาแฟ: นี่คือระยะเวลาที่แนะนำให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามินอย่างเต็มที่ก่อน จึงจะดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนได้
  • เลือกดื่มน้ำเปล่า: น้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการดื่มระหว่างทานวิตามิน เพราะจะไม่ไปรบกวนกระบวนการดูดซึม

การดูแลสุขภาพด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น การเว้นระยะห่างจากการดื่มชาหรือกาแฟ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม และทำให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากวิตามินที่เราบริโภค อย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับประทานวิตามินและการดูแลสุขภาพ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง