กินแล้วถ่ายเหลวเกิดจากอะไร

สาเหตุของอาการท้องเสียหลังรับประทานอาหาร

อาการท้องเสียหลังรับประทานอาหารเป็นภาวะที่พบได้ทั่วไป ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่

การแพ้อาหาร

การแพ้อาหารบางชนิด เช่น นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง หรือถั่วลิสง สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียได้ ภาวะนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อโปรตีนเฉพาะในอาหารเหล่านี้ เมื่อได้รับอาหารที่แพ้ ร่างกายจะผลิตแอนติบอดีที่เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลิน E (IgE) ซึ่งจะเข้าจับกับเซลล์ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เซลล์ปล่อยฮิสตามีนและสารอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย

การรับประทานอาหารที่มีสารปรุงแต่งรสชาติหรือสารกันบูดมากเกินไป

สารปรุงแต่งรสชาติและสารกันบูดบางชนิด สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความไวต่อสารเหล่านี้เป็นพิเศษ สารปรุงแต่งรสชาติ เช่น ผงชูรส โซเดียมกลูตาเมต (MSG) และกรดซิตริก อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียในบางคน ส่วนสารกันบูด เช่น โซเดียมเบนโซเอต และโพแทสเซียมซอร์เบต ก็สามารถก่อให้เกิดอาการทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียได้เช่นกัน

การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส

การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอาหารเป็นพิษ โรต้าไวรัส และ诺如病毒 สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ เชื้อเหล่านี้จะปล่อยสารพิษที่กระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบและท้องเสีย

สาเหตุอื่นๆ

นอกจากสาเหตุเหล่านี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหลังรับประทานอาหาร ได้แก่

• การรับประทานอาหารมากเกินไป
• รับประทานอาหารที่ไม่สุกหรือไม่ถูกสุขอนามัย
• ความเครียดหรือความวิตกกังวล
• การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาระบาย หรือยาปฏิชีวนะ

แนวทางป้องกัน

หากคุณมีอาการท้องเสียหลังรับประทานอาหารเป็นประจำ ให้สังเกตอาหารที่รับประทานและพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุ หากคุณสงสัยว่าแพ้อาหารชนิดใด ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการทดสอบการแพ้อาหารเพิ่มเติม นอกจากนี้ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหาร รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารปรุงแต่งรสชาติหรือสารกันบูดมากเกินไป