จะรู้ได้อย่างไรว่าไตทำงานหนัก

ไตทำงานหนัก…ร่างกายส่งสัญญาณเตือนอย่างไร? อย่ามองข้ามสัญญาณเหล่านี้!

ไตเปรียบเสมือนเครื่องกรองน้ำเสียของร่างกาย ทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกำจัดของเสียและของเหลวส่วนเกิน หากไตทำงานหนักเกินไปหรือเกิดความผิดปกติ ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนออกมา แต่เนื่องจากอาการในระยะเริ่มต้นมักไม่ชัดเจน จึงทำให้หลายคนมองข้ามไปจนกระทั่งโรคไตดำเนินไปสู่ระยะรุนแรง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสัญญาณเตือนสำคัญที่ร่างกายส่งมา เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพไตของคุณได้อย่างทันท่วงที

อย่ามองข้าม! อาการเหล่านี้บ่งบอกถึงการทำงานหนักของไต:

อาการของโรคไตในระยะเริ่มต้นมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและความรุนแรงของโรค บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเลย แต่หากสังเกตเห็นอาการต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด:

• การเปลี่ยนแปลงของปริมาณปัสสาวะ: ปัสสาวะบ่อยขึ้น ปัสสาวะน้อยลง หรือปัสสาวะมากขึ้นผิดปกติในเวลากลางคืน ล้วนเป็นสัญญาณที่ควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเกิดจากการทำงานของไตที่บกพร่อง ไม่สามารถควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• การเปลี่ยนแปลงลักษณะของปัสสาวะ: ปัสสาวะมีฟองมากผิดปกติ ปัสสาวะสีเข้มคล้ายน้ำชา หรือมีเลือดปนอยู่ในปัสสาวะ ล้วนบ่งบอกถึงความผิดปกติของไต อาจเกิดจากการอักเสบ การติดเชื้อ หรือความเสียหายของไต

• บวม: บวมที่มือ เท้า ข้อเท้า หรือใบหน้า เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคไต เกิดจากการที่ไตไม่สามารถกำจัดของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ของเหลวสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย

• ความดันโลหิตสูง: ไตมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันโลหิต หากไตทำงานผิดปกติ จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างฉับพลันหรือควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีสาเหตุอื่นที่ชัดเจน

• อาการเหนื่อยล้าผิดปกติ: การทำงานของไตที่บกพร่องส่งผลให้ร่างกายขาดฮอร์โมน เช่น เอริโทรโพอีติน (Erythropoietin) ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และหายใจลำบากได้

• คันตามผิวหนังอย่างรุนแรง: การสะสมของสารพิษในร่างกายเนื่องจากไตทำงานบกพร่อง อาจทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนังอย่างรุนแรง ซึ่งยากที่จะบรรเทาด้วยวิธีทั่วไป

• คลื่นไส้และอาเจียน: ในกรณีที่โรคไตดำเนินไปสู่ระยะรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน เนื่องจากการสะสมของสารพิษในกระแสเลือด

การป้องกันดีกว่าการรักษา: การดูแลสุขภาพไตอย่างถูกวิธี เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ การควบคุมความดันโลหิต การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และการหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เป็นอันตรายต่อไต จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดโรคไตได้

หากคุณพบอาการเหล่านี้ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที การตรวจสุขภาพไตเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จะช่วยให้คุณตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และรับการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่โรคจะลุกลามไปสู่ภาวะที่รุนแรงยิ่งขึ้น