จะรู้ได้ไงว่าเป็นภูมิแพ้อากาศ

2 การดู

สงสัยว่าคุณอาจเป็นภูมิแพ้อากาศ? ลองสังเกตอาการเหล่านี้: คัดจมูก, น้ำมูกใสไหล, จามถี่ๆ, คันจมูก, และเสมหะลงคอ อาการอาจเป็นๆหายๆตลอดปี หรือแย่ลงในบางฤดู โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือกลางคืน หากมีอาการทางตา เช่น คันหรือเคืองตา ร่วมด้วย ก็เป็นไปได้สูงว่าคุณกำลังเผชิญกับภูมิแพ้อากาศ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขปริศนาอาการ: รู้ได้อย่างไรว่าคุณแพ้อากาศจริงๆ?

ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง อากาศแปรปรวน และสิ่งที่ตามมาก็คืออาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จามไม่หยุดหย่อน หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่หวัดธรรมดา แต่หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีละอองเกสรดอกไม้หรือมลภาวะในอากาศสูง คุณอาจกำลังเผชิญกับ “ภูมิแพ้อากาศ” หรือที่เรียกกันว่า “โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้” (Allergic Rhinitis) อยู่ก็เป็นได้

การแยกแยะอาการหวัดธรรมดาและภูมิแพ้อากาศอาจทำได้ยาก แต่มีเบาะแสสำคัญที่จะช่วยให้คุณค้นพบคำตอบ ลองสังเกตตัวเองดูว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่:

อาการทางจมูก:

  • คัดจมูก: รู้สึกอึดอัดในโพรงจมูก หายใจไม่สะดวก
  • น้ำมูกใส: น้ำมูกที่ไหลออกมาเป็นสีใส ต่างจากน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียวของหวัดทั่วไป
  • จามบ่อยและรุนแรง: จามต่อเนื่องเป็นชุดๆ โดยเฉพาะเมื่อตื่นนอนหรืออยู่กลางแจ้ง
  • คันจมูก: รู้สึกคันบริเวณภายในจมูก อาจทำให้เกิดการจามตามมา
  • เสมหะลงคอ: รู้สึกเหมือนมีเสมหะค้างอยู่ที่ลำคอ อาจทำให้ไอหรือเจ็บคอ

อาการทางตา:

  • คันตา: รู้สึกคันที่บริเวณดวงตา
  • เคืองตา: ตาแดง บวม หรือมีน้ำตาไหล

ลักษณะการเกิดอาการ:

  • เป็นๆ หายๆ: อาการไม่ต่อเนื่อง อาจดีขึ้นหรือแย่ลงได้ตามสภาพอากาศ ฤดูกาล และปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
  • สัมพันธ์กับฤดูกาล: อาการอาจรุนแรงขึ้นในช่วงที่มีละอองเกสรดอกไม้ เช่น ฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน หรือในช่วงที่มีมลภาวะสูง
  • แย่ลงในตอนเช้าหรือกลางคืน: สารก่อภูมิแพ้บางชนิดอาจมีปริมาณมากในช่วงเวลานี้

หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาการเหล่านี้สัมพันธ์กับฤดูกาลหรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และไม่ดีขึ้นแม้ว่าจะรับประทานยาแก้หวัดทั่วไปแล้ว คุณควรปรึกษาแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางด้านภูมิแพ้เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง แพทย์จะสามารถทำการทดสอบเพื่อยืนยันว่าคุณเป็นภูมิแพ้อากาศหรือไม่ และให้คำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงยาแก้แพ้ การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ อย่าปล่อยให้อาการเรื้อรัง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรคได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณเสมอ