จะรู้ได้ไงว่าเป็นไซนัส

3 การดู

รู้จักโรคไซนัสอักเสบ

โรคไซนัสอักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา อาการได้แก่ ปวดศีรษะ ไข้ คัดจมูกและน้ำมูกไหล อาจมีอาการตาแดง ใบหน้าบวม และกลิ่นปาก หากมีอาการควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไซนัส: สัญญาณเตือนภัยที่คุณไม่ควรมองข้าม

โรคไซนัสอักเสบเป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงไซนัส (โพรงอากาศที่อยู่รอบจมูก) เกิดการอักเสบและบวม ทำให้เกิดอาการต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวที่ไม่หาย ปัญหาเรื่องการหายใจ หรือแม้แต่ความสามารถในการรับรสและกลิ่นที่ลดลง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของไซนัสอักเสบจริงๆ ไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา หรืออาการแพ้อากาศ? บทความนี้จะช่วยให้คุณแยกแยะอาการและเข้าใจถึงสัญญาณเตือนภัยที่ควรปรึกษาแพทย์

อาการที่บ่งบอกถึงไซนัสอักเสบ:

อาการของไซนัสอักเสบมีความคล้ายคลึงกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ทำให้หลายคนอาจสับสนและมองข้ามไป แต่มีบางอาการที่เฉพาะเจาะจงกว่า ซึ่งสามารถช่วยในการแยกแยะได้ ดังนี้:

  • ปวดศีรษะหรือปวดบริเวณใบหน้า: อาการปวดมักจะรุนแรงขึ้นเมื่อก้มหน้า หรือกดบริเวณไซนัส (หน้าผาก, โหนกแก้ม, รอบดวงตา) ตำแหน่งของอาการปวดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับไซนัสที่เกิดการอักเสบ
  • คัดจมูกและมีน้ำมูกข้นเหนียว: น้ำมูกอาจมีสีเหลือง, เขียว หรือขุ่น ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • สูญเสียความสามารถในการรับรสและกลิ่น: เนื่องจากการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้การรับรสและกลิ่นแย่ลง
  • อาการอื่นๆ: อาจมีอาการไอ, เจ็บคอ, มีไข้, อ่อนเพลีย และรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย

ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน vs. ไซนัสอักเสบเรื้อรัง:

สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกตคือระยะเวลาของอาการ ไซนัสอักเสบสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:

  • ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน: อาการมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหายไปภายใน 4 สัปดาห์ มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
  • ไซนัสอักเสบเรื้อรัง: อาการคงอยู่นานกว่า 12 สัปดาห์ แม้จะได้รับการรักษาแล้วก็ตาม อาจมีสาเหตุจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การติดเชื้อซ้ำๆ, โรคภูมิแพ้, หรือความผิดปกติของโครงสร้างจมูก

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์:

หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม:

  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
  • มีอาการปวดศีรษะรุนแรง หรือมีไข้สูง
  • มีอาการที่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน
  • มีอาการบวมรอบดวงตา หรือหน้าผาก
  • มีประวัติเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง

การดูแลตัวเองเบื้องต้น:

ในระหว่างที่รอพบแพทย์ คุณสามารถบรรเทาอาการด้วยวิธีต่างๆ ได้ดังนี้:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ และช่วยลดความเหนียวของน้ำมูก
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและลดอาการคัดจมูก
  • ประคบร้อน: ช่วยลดอาการปวดบริเวณไซนัส

สรุป:

การสังเกตอาการของตัวเองอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญในการแยกแยะว่าเป็นไซนัสอักเสบหรือไม่ หากคุณมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยให้อาการเรื้อรังจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะไซนัสอักเสบสามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ